วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ผักเคลคุณสมบัติลับที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

 


ผักเคล (Kale) ได้รับการยกย่องให้เป็นราชินีแห่งผักใบเขียว และเป็นหนึ่งในซูเปอร์ฟู้ดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูงและสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย ทำให้ผักเคลกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์สุขภาพของหลายๆ คน แต่คุณรู้หรือไม่ว่าผักเคลนั้นมีอะไรมากกว่าแค่ใบเขียว? ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกถึงคุณประโยชน์ที่น่าสนใจของผักเคล รวมถึงวิธีการนำไปประกอบอาหารและดูแลสุขภาพ

คุณค่าทางโภชนาการที่อัดแน่น

ผักเคลอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น

  • วิตามิน K: ช่วยในการแข็งตัวของเลือดและสุขภาพของกระดูก
  • วิตามิน A: บำรุงสายตาและผิวพรรณ
  • วิตามิน C: เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • แคลเซียม: ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง
  • เหล็ก: ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง

นอกจากนี้ ผักเคลยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งช่วยป้องกันเซลล์จากความเสียหาย และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคความเสื่อมของสมอง

ประโยชน์ต่อสุขภาพที่น่าทึ่ง

  • ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง: สารต้านอนุมูลอิสระในผักเคลช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ
  • บำรุงสายตา: วิตามิน A ช่วยให้สายตาดีขึ้น ลดความเสี่ยงของโรคต้อกระจก
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: วิตามิน C ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันการติดเชื้อ
  • ช่วยในการลดน้ำหนัก: ไฟเบอร์ในผักเคลช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ทำให้ควบคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น
  • บำรุงผิวพรรณ: สารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์

วิธีการนำผักเคลไปประกอบอาหาร

ผักเคลสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น

  • สลัด: ผักเคลเป็นส่วนผสมหลักในสลัดหลายชนิด เพิ่มความอร่อยและคุณค่าทางโภชนาการให้กับสลัด
  • สมูทตี้: ปั่นผักเคลกับผลไม้และโยเกิร์ต เพื่อทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
  • ผัด: นำผักเคลไปผัดกับวัตถุดิบอื่นๆ เช่น หมู เห็ด หรือเต้าหู้
  • ซุป: ต้มผักเคลกับซุปต่างๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ
  • ชิปส์ผักเคล: นำผักเคลไปอบจนกรอบ เป็นของว่างที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ

ผักเคลเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การนำผักเคลมาประกอบอาหารเป็นประจำ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและป้องกันโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นอย่าลืมเพิ่มผักเคลเข้าไปในเมนูอาหารของคุณกันนะคะ

หมายเหตุ: บทความนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ

หัวข้อเพิ่มเติมที่น่าสนใจ:

  • ผักเคลปลูกเองได้ที่บ้าน
  • สูตรอาหารจากผักเคล
  • ผักเคลกับโรคต่างๆ

อยากให้ผิวสวยใส ต้องรู้! 8 สกินแคร์ที่ควรแช่เย็น

 

8 สกินแคร์ที่ควรเก็บในตู้เย็น ผิวสวยใส อิ่มน้ำ

การเก็บสกินแคร์บางชนิดไว้ในตู้เย็น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ผิวของคุณได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ ลองมาดูกันว่ามีสกินแคร์กลุ่มไหนบ้างที่ควรเก็บในตู้เย็น

  1. เซรั่มวิตามินซี: วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ไวต่อแสงและอุณหภูมิ การเก็บในตู้เย็นจะช่วยคงความเข้มข้นและประสิทธิภาพในการลดเลือนจุดด่างดำและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
  2. เจลว่านหางจระเข้: เจลว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและช่วยให้ผิวเย็นสบาย การแช่เย็นจะช่วยเพิ่มความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายผิว
  3. มาส์กหน้า: ไม่ว่าจะเป็นมาส์กหน้าเนื้อเจล, เนื้อครีม หรือแผ่นมาส์ก การแช่เย็นจะช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่นและกระชับตัวมากขึ้น
  4. ครีมบำรุงรอบดวงตา: การแช่เย็นครีมบำรุงรอบดวงตาจะช่วยลดอาการบวมและรอยคล้ำใต้ตาได้เป็นอย่างดี ทำให้ดวงตาดูสดใสและเปล่งประกาย
  5. ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย: น้ำมันหอมระเหยมีคุณสมบัติในการบำบัดและผ่อนคลาย การแช่เย็นจะช่วยให้กลิ่นหอมชัดเจนยิ่งขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงผิว
  6. สเปรย์น้ำแร่: การพ่นสเปรย์น้ำแร่เย็นๆ บนผิวหน้าจะช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่นและกระชับตัว
  7. ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเปปไทด์: เปปไทด์เป็นสารโปรตีนขนาดเล็กที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน การเก็บในตู้เย็นจะช่วยคงประสิทธิภาพของเปปไทด์
  8. ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิก: กรดไฮยาลูรอนิกเป็นสารที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว การแช่เย็นจะช่วยให้โมเลกุลของกรดไฮยาลูรอนิกคงตัวและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อควรระวัง:

  • อ่านฉลาก: ก่อนนำผลิตภัณฑ์ไปแช่เย็น ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์ก่อนเสมอ เพื่อตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์นั้นสามารถเก็บในตู้เย็นได้หรือไม่
  • ภาชนะบรรจุ: เลือกภาชนะบรรจุที่สะอาดและปิดสนิท เพื่อป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์ปนเปื้อน
  • อุณหภูมิ: ควรเก็บสกินแคร์ในช่องเย็น ไม่ใช่ช่องแช่แข็ง เพื่อป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์เสีย

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • หากคุณมีผิวแพ้ง่าย ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ
  • การเก็บสกินแคร์ในตู้เย็นเป็นเพียงวิธีการหนึ่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องทำตาม
  • ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2567

แจกสูตรมาส์กโฮมเมด สำหรับผลัดเซลล์ผิวขาวกระจ่างใส แถมกันแดด

แป้งข้าวกล้องนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น วิตามิน B3 วิตามิน E แมกนีเซียม ใยอาหาร ฯลฯ ซึ่งช่วยให้ผิวกระจ่างใส เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และลดรอยสิว

มาดูสูตรมาส์ก DIY แป้งข้าวกล้องกันเลย

1. มาส์กข้าวกล้อง + โยเกิร์ต

  • ผสมแป้งข้าวกล้อง 2 ช้อนโต๊ะ กับโยเกิร์ตธรรมชาติ 1 ช้อนโต๊ะ
  • คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีมข้น
  • ทาลงบนใบหน้า ทิ้งไว้ 15-20 นาที
  • ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

2. มาส์กข้าวกล้อง + น้ำผึ้ง

  • ผสมแป้งข้าวกล้อง 2 ช้อนโต๊ะ กับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
  • คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีมข้น
  • ทาลงบนใบหน้า ทิ้งไว้ 15-20 นาที
  • ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

3. มาส์กข้าวกล้อง + กล้วยหอม

  • บดกล้วยหอมสุก 1/2 ผล
  • ผสมกับแป้งข้าวกล้อง 1 ช้อนโต๊ะ
  • คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีมข้น
  • ทาลงบนใบหน้า ทิ้งไว้ 15-20 นาที
  • ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

4. มาส์กข้าวกล้อง + มะเขือเทศ

  • บดมะเขือเทศ 1 ผล
  • ผสมกับแป้งข้าวกล้อง 1 ช้อนโต๊ะ
  • คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีมข้น
  • ทาลงบนใบหน้า ทิ้งไว้ 15-20 นาที
  • ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

5. มาส์กข้าวกล้อง + นม

  • ผสมแป้งข้าวกล้อง 2 ช้อนโต๊ะ กับนมสด 1 ช้อนโต๊ะ
  • คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีมข้น
  • ทาลงบนใบหน้า ทิ้งไว้ 15-20 นาที
  • ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

หมายเหตุ

  • ก่อนใช้มาส์ก ควรล้างหน้าให้สะอาดก่อน
  • ทดสอบการแพ้บนท้องแขนก่อนใช้
  • ไม่ควรทาครีมบริเวณรอบดวงตา
  • ใช้มาส์ก 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์

เคล็ดลับ

  • สามารถปรับสูตรได้ตามความชอบ เช่น เพิ่มน้ำผึ้ง มะนาว หรือว่านหางจระเข้
  • เก็บมาส์กที่เหลือไว้ในตู้เย็นได้ 1-2 วัน
  • ใช้แปรงมาส์กทาจะทำให้สะดวกยิ่งขึ้น

หวังว่าสูตรเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีผิวสวยกระจ่างใส เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และไร้สิวนะคะ

แนะนำเพิ่มเติม สูตร มาส์กข้าวกล้อง เพื่อผิวกระจ่างใส และ เนียนนุ่ม




วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

"เคล็ดลับผิวขาว: ครีมบำรุงผิวเพียงพอหรือไม่?"


อยากผิวขาวต้องรู้ ทาครีมบำรุงผิว แล้วไม่ทาครีมกันแดดได้หรือไม่สำหรับผิวพรรณที่มีความขาวเนียนเป็นเสมือนเป้าหมายที่หลายๆ คนต่างปรารถนาและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีเพื่อให้ผิวสว่างขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่เราจะต้องการผิวขาวเนียนหรือรักษาความขาวของผิวที่มีอยู่แล้ว การใช้ครีมบำรุงผิวเป็นประจำอาจจะไม่เพียงพอโดยไม่ใช้ครีมกันแดด คำแนะนำคือ ไม่ควรละเลยการใช้ครีมกันแดดหลังจากใช้ครีมบำรุงผิวแล้ว

แม้ว่าครีมบำรุงผิวจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและดูแลผิวให้ดีในด้านอื่นๆ แต่ส่วนใหญ่ครีมบำรุงผิวไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีจากแสงแดด

รังสียูวีจากแสงแดดเป็นปัญหาที่ทุกคนควรระมัดระวัง เพราะมันสามารถก่อให้เกิดผลเสียต่อผิวหนังได้หลายรูปแบบ เช่น การทำให้ผิวมืดคล้ำ ริ้วรอยเกิดก่อนวัย ผิวไหม้จากแสงแดด และเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังด้วยดังนั้น การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

ขั้นตอนในการทาครีมกันแดด

  1. เลือกใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป
  2. ทาครีมกันแดดทั่วใบหน้าและลำคอ
  3. ทาครีมกันแดดลงบนผิว 20 นาทีก่อนออกแดด
  4. ทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมงหรือหลังจากเล่นน้ำหรือเหงื่อ

สรุป

  • การทาครีมบำรุงผิวอย่างเดียวไม่เพียงพอ
  • ครีมกันแดดควรใช้ทุกวันเพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวี
  • เลือกใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป
  • ทาครีมกันแดดให้ทั่วใบหน้าและลำคอ
  • ทาครีมกันแดดก่อนออกแดด 20 นาที
  • ทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมงหรือหลังจากเล่นน้ำหรือเหงื่อออก
แนะนำเพิ่มเติม

วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2567

เซรั่มที่ใช้แล้วดีควรมีคุณสมบัติอย่างไร

เซรั่มที่ดีควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้:

1. มีสารบำรุงผิวที่เข้มข้น: เซรั่มที่ดีควรมีสารบำรุงผิวที่เข้มข้นมากกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภทอื่นๆ สารบำรุงเหล่านี้ควรมีประสิทธิภาพสูงและสามารถแก้ปัญหาผิวได้ตรงจุด เช่น ริ้วรอย จุดด่างดำ ผิวแห้ง หรือผิวหมองคล้ำ

2. ซึมซาบเร็ว: เซรั่มที่ดีควรมีเนื้อบางเบาและซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

3. ไม่ก่อให้เกิดสิว: เซรั่มที่ดีควรมีสูตรที่อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดสิว เหมาะกับทุกสภาพผิว

4. ปลอดภัย: เซรั่มที่ดีควรผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง ปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย

5. เหมาะกับสภาพผิว: สิ่งสำคัญที่สุดคือเซรั่มควรเหมาะกับสภาพผิวของคุณ

ตัวอย่างคุณสมบัติเพิ่มเติมของเซรั่มที่ดี:

  • มีส่วนผสมจากธรรมชาติ
  • ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน
  • มีค่า pH ที่สมดุล
  • มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
  • บรรจุภัณฑ์ใช้งานง่าย

วิธีเลือกเซรั่มให้เหมาะกับสภาพผิว:

  • ผิวแห้ง: เลือกเซรั่มที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) เซราไมด์ (Ceramides) หรือน้ำมันธรรมชาติ
  • ผิวมัน: เลือกเซรั่มที่มีเนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว oil-free และ non-comedogenic
  • ผิวผสม: เลือกเซรั่มที่มีเนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว และมีส่วนผสมที่ช่วยปรับสมดุลของน้ำมันในผิว
  • ผิวแพ้ง่าย: เลือกเซรั่มที่มีสูตรอ่อนโยน ปราศจากสารเคมีอันตราย ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • ทดสอบเซรั่มบนท้องแขนก่อนใช้บนใบหน้า
  • ใช้เซรั่มเพียง 2-3 หยดต่อครั้ง
  • ทาเซรั่มหลังล้างหน้า เช้า-เย็น
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน
แนะนำผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิวหน้า



สั่งซื้อสอบถาม LINE@ID : @pinpurishop (มี @ นำหน้า)

ภาพถ่ายโดย Shiny Diamond: https://www.pexels.com/th-th/photo/3762882/

วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2567

หมดปัญหากับผิวบอบบาง แพ้ง่าย เพียงทำตามนี้


ผิวพรรณ ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้า ผิวกาย ก็เป็นส่วนสำคัญ ที่ต้องให้ความใส่ใจกันเป็นพิเศษ เพราะผิวพรรณที่สวยสดใส ก็ทำให้จิตใจผ่องใสตามไปด้วย

วิธีดูแลผิวแพ้ง่าย

1. ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน

  • ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น โดยใช้น้ำสะอาดหรือน้ำอุ่น
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม และสารแต่งสี
  • ล้างหน้าเบาๆ โดยไม่ต้องถูหรือขัดผิว
  • ซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนูเนื้อนุ่ม

2. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

  • ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์หลังล้างหน้าทุกครั้ง
  • เลือกใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์สูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม และสารแต่งสี
  • ทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป เป็นประจำทุกวัน

3. หลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคือง

  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีรุนแรง เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน และ SLS
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับมลภาวะ ฝุ่น ควัน และแสงแดด
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว
  • หลีกเลี่ยงการสครับผิว หรือผลัดเซลล์ผิวบ่อยเกินไป

4. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผักผลไม้
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ลดความเครียด

5. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

หากมีอาการแพ้รุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

แนะนำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแพ้ง่าย

เพิ่มเติม

  • ควรทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่บนท้องแขนก่อนใช้บนใบหน้า
  • ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดก่อนใช้
  • ควรเก็บผลิตภัณฑ์ในที่แห้งและเย็น
  • ควรเปลี่ยนแปรงแต่งหน้าและพัฟเป็นประจำ
ภาพถ่ายโดย Shiny Diamond: https://www.pexels.com/th-th/photo/3762897/

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2567

หมดกังวลปัญหาผิวสองสี สีผิวไม่สม่ำเสมอ

สำหรับผิวสองสี ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้า ลำคอ หรือ ผิวกาย ซึ่งมองว่าเป็นปัญหา ดูแล้วไม่สะอาดตา ทำให้หลายๆ คนเกิดความกังวลใจ กับสีผิว วันนี้เรามีวิธีแก้ปัญหาให้ผิวสองสี กลับเป็นสีผิวที่ขาวกระจ่างใส เสมอกันได้ มาดูกันเลย

วิธีแก้ปัญหาผิวหน้าและผิวกาย สองสี

ปัญหาผิวสองสีนั้นเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น แสงแดด ฮอร์โมน การอักเสบของผิว หรือแม้แต่กรรมพันธุ์ ซึ่งสามารถแก้ไขได้หลายวิธี ดังนี้

1. ป้องกันแสงแดด

แสงแดดเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวคล้ำเสียและเกิดจุดด่างดำ ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน SPF 30 ขึ้นไป และทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง หรือหลังว่ายน้ำหรือเหงื่อออก

2. ใช้สกินแคร์บำรุงผิว

เลือกใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี Niacinamide, Alpha Arbutin หรือ Tranexamic Acid ซึ่งช่วยลดเลือนจุดด่างดำ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

3. ผลัดเซลล์ผิว

การผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใส ควรใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่มีความอ่อนโยน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์

4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

น้ำช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและเปล่งปลั่ง ควรดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 8 แก้ว

5. ทานอาหารที่มีประโยชน์

ทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผักผลไม้ الحم citrus fruits

6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ผิวหมองคล้ำ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 7-9 ชั่วโมง

7. เลเซอร์

หากปัญหาผิวสองสีนั้นรุนแรง สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาด้วยเลเซอร์

ข้อควรระวัง

  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง
  • ทดสอบผลิตภัณฑ์บนผิวหนังบริเวณท้องแขนก่อนใช้
  • ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหากมีอาการแพ้หรือระคายเคือง

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์

แนะนำเรื่องน่ารู้การดูแลผิวหน้า และ ผิวกาย

> 5 วิธีทำให้ผิวขาวกระจ่างใสง่าย ออกแดดแค่ไหน ก็ไม่กลัวคล้ำเสีย

> 5 วิธีแก้ปัญหาผิวสองสี ปรับสมดุลผิวให้ขาวใส ปลอดภัย ไร้กังวล

วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

วิธีเลือกซื้อกระเป๋าแฟชั่น ให้เป็นของขวัญวันปีใหม่


การเลือกซื้อกระเป๋าแฟชั่นเป็นของขวัญปีใหม่ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาถึงสไตล์และความต้องการการใช้งานของผู้รับเป็นหลัก เพื่อให้กระเป๋าที่มอบไปนั้นถูกใจและใช้งานได้จริง

สำหรับวิธีการเลือกซื้อกระเป๋าแฟชั่นเป็นของขวัญปีใหม่ มีดังนี้

  1. พิจารณาถึงสไตล์ของผู้รับ

กระเป๋าแฟชั่นมีหลายสไตล์ ตั้งแต่แบบคลาสสิก เรียบหรู ไปจนถึงแบบแฟชั่นทันสมัย สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาถึงสไตล์การแต่งตัวและไลฟ์สไตล์ของผู้รับเป็นหลัก เพื่อให้กระเป๋าที่มอบไปนั้นเข้ากับสไตล์ของผู้รับมากที่สุด

หากผู้รับเป็นคนที่แต่งตัวเรียบหรู กระเป๋าหนังสีดำหรือสีน้ำตาลคลาสสิก ก็เป็นตัวเลือกที่ดี หรือหากผู้รับเป็นคนที่แต่งตัวทันสมัย กระเป๋าหนังหรือผ้าพิมพ์ลายสีสันสดใส ก็อาจตอบโจทย์ได้

  1. พิจารณาถึงความต้องการการใช้งานของผู้รับ

กระเป๋าแฟชั่นมีหลายขนาดและรูปทรง ขึ้นอยู่กับความต้องการการใช้งานของผู้รับเป็นหลัก หากผู้รับเป็นคนที่ต้องพกของจุกจิกเป็นประจำ กระเป๋าทรง Tote หรือ Backpack ก็อาจตอบโจทย์ได้ หรือหากผู้รับเป็นคนที่ชอบเดินทาง กระเป๋าทรง Duffel หรือ Backpack ก็อาจเหมาะกับการใช้งานมากกว่า

นอกจากนี้ ยังควรพิจารณาถึงขนาดของกระเป๋าให้เหมาะสมกับการใช้งานของผู้รับ หากผู้รับเป็นคนตัวเล็ก กระเป๋าที่มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป ก็อาจดูดีและใช้งานได้สะดวกกว่า

  1. พิจารณาถึงงบประมาณ

กระเป๋าแฟชั่นมีราคาหลากหลาย ขึ้นอยู่กับแบรนด์ วัสดุ และดีไซน์ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาถึงงบประมาณที่มี เพื่อให้สามารถเลือกซื้อกระเป๋าที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับราคาได้

หากมีงบประมาณจำกัด อาจเลือกซื้อกระเป๋าจากแบรนด์ท้องถิ่นหรือแบรนด์แฟชั่นราคาย่อมเยา หรือหากมีงบประมาณเหลือเฟือ อาจเลือกซื้อกระเป๋าจากแบรนด์เนมชื่อดัง

  1. พิจารณาถึงโอกาสการใช้งาน

กระเป๋าแฟชั่นบางรุ่นอาจออกแบบมาสำหรับโอกาสการใช้งานเฉพาะ เช่น กระเป๋าคลัชสำหรับงานปาร์ตี้ กระเป๋าสะพายข้างสำหรับใส่ของใช้ประจำวัน หรือกระเป๋าเดินทางสำหรับการเดินทางไกล สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาถึงโอกาสการใช้งานของผู้รับ เพื่อให้เลือกซื้อกระเป๋าที่เหมาะกับโอกาสการใช้งานนั้นๆ

หากผู้รับเป็นคนที่ชอบแต่งตัวไปงานปาร์ตี้บ่อยๆ กระเป๋าคลัชสีสันสดใส ก็เป็นตัวเลือกที่ดี หรือหากผู้รับเป็นคนที่ต้องเดินทางบ่อยๆ กระเป๋าเดินทางขนาดกะทัดรัด ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้

นอกจากวิธีการเลือกซื้อกระเป๋าแฟชั่นที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือควรเลือกซื้อกระเป๋าจากร้านค้าที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ได้กระเป๋าที่มีคุณภาพและใช้งานได้นาน

หากเลือกซื้อกระเป๋าแฟชั่นเป็นของขวัญปีใหม่อย่างรอบคอบ รับรองว่าผู้รับจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน

อ่านบทความเกี่ยวกับ ผู้หญิง เพิ่มเติม

ภาพถ่ายโดย Antoni Shkraba: https://www.pexels.com/th-th/photo/6207710/

วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2566

แนะนำ ข้อดี ข้อเสีย ของการงีบหลับ กลางวัน

การงีบหลับ เป็นตัวช่วยอย่างหนึ่ง สำหรับการทำงาน ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเรามาดูกันว่า เราควร งีบหลับอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ข้อดี ข้อเสียของการงีบหลับ

การงีบหลับกลางวัน มีข้อดีและข้อเสีย ดังนี้

ข้อดีของการงีบหลับกลางวัน

  • ช่วยเพิ่มพลังงานและลดความเหนื่อยล้า
  • ช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น
  • ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น
  • ช่วยให้สมาธิดีขึ้น
  • ช่วยให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
  • ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ
  • ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน

ข้อเสียของการงีบหลับกลางวัน

  • หากงีบหลับนานเกินไป อาจทำให้รู้สึกง่วงนอนในตอนกลางคืน
  • หากงีบหลับก่อนเวลานอน อาจทำให้นอนไม่หลับในตอนกลางคืน
  • อาจทำให้รู้สึกเวียนหัวหรือมึนงงเมื่อตื่นขึ้นมา

ระยะเวลาการงีบหลับกลางวันที่เหมาะสม

ระยะเวลาการงีบหลับกลางวันที่เหมาะสมคือ 15-30 นาที หากงีบหลับนานกว่านั้น อาจทำให้รู้สึกง่วงนอนในตอนกลางคืน

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการงีบหลับกลางวัน

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการงีบหลับกลางวันคือ 13.00-15.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการพักมากที่สุด

คำแนะนำในการงีบหลับกลางวัน

  • ควรหาสถานที่ที่เงียบสงบ มืด และเย็น
  • ควรปิดเสียงโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ
  • ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก่อนงีบหลับ
  • ควรลุกขึ้นทันทีเมื่อตื่นขึ้นมา

หากใครต้องการงีบหลับกลางวัน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น เพื่อที่จะได้ประโยชน์จากการงีบหลับมากที่สุด และลดความเสี่ยงที่จะเกิดข้อเสียจากการงีบหลับกลางวัน

วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ดื่มน้ำเปล่าหลังตื่นนอนตอนเช้า ให้ประโยชน์ หรือ เป็นโทษต่อร่างกาย

 น้ำเปล่าคือสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างมาก และ หากเราได้ดื่มน้ำเปล่าหลังตื่นนอนทันทีตอนเช้านั้น จะเป็นประโยชน์ หรือ โทษต่อร่างกาย วันนี้เรามาแนะนำสาระน่ารู้ดีๆ เกี่ยวกับการดื่มน้ำเปล่า เพียง แค่ดื่มน้ำเปล่าเท่านั้น ก็จะเปลี่ยนแปลงสุขภาพ ให้ดีขึ้นได้ มาดูกันเลยนะคะ


การดื่มน้ำเปล่าหลังตื่นนอนตอนเช้ามีประโยชน์มากมาย ดังนี้

  • ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร การดื่มน้ำตอนเช้าช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นการขับถ่าย และช่วยป้องกันอาการท้องผูก
  • ช่วยดีท็อกซ์ร่างกาย การดื่มน้ำเปล่าจะช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณสดใส และสุขภาพโดยรวมดีขึ้น
  • ช่วยเพิ่มพลังงาน การดื่มน้ำเปล่าช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำที่เพียงพอ ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ช่วยให้รู้สึกสดชื่นมีพลังมากขึ้น
  • ช่วยลดน้ำหนัก การดื่มน้ำเปล่าก่อนอาหารจะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น จึงช่วยควบคุมปริมาณอาหารและลดน้ำหนักได้
  • ช่วยป้องกันโรคต่างๆ การดื่มน้ำเปล่าอย่างเพียงพอช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคไต โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน

โดยปกติแล้วร่างกายของคนเราต้องการน้ำประมาณ 2 ลิตรต่อวัน แต่ปริมาณน้ำที่ควรดื่มในแต่ละวันอาจแตกต่างกันไปตามเพศ อายุ สภาพอากาศ และกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน โดยทั่วไปแล้ว การดื่มน้ำเปล่า 1-2 แก้วหลังตื่นนอนตอนเช้าเป็นปริมาณที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตอาการของตัวเอง หากดื่มน้ำแล้วรู้สึกปวดท้องหรือคลื่นไส้ ควรลดปริมาณลง

เคล็ดลับในการดื่มน้ำเปล่าหลังตื่นนอนตอนเช้า

  • ดื่มน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องหรือน้ำเย็นเล็กน้อย
  • ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 1-2 แก้วหลังตื่นนอน
  • หากดื่มน้ำเปล่าแล้วรู้สึกปวดท้องหรือคลื่นไส้ ควรลดปริมาณลง

การดื่มน้ำเปล่าหลังตื่นนอนตอนเช้าเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกในการเริ่มต้นวันใหม่ ช่วยให้ร่างกายสดชื่น สุขภาพดี และป้องกันโรคต่างๆ ได้

เรื่องที่เกี่ยวข้อง 5 ประโยชน์ที่ได้รับทันทีจากการดื่มน้ำเปล่าหลังตื่นนอนตอนเช้า

การลดน้ำหนักให้ได้ 3 กิโลกรัม ภายใน 10 วัน ทำได้หรือไม่

 การลดน้ำหนักเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคน และการลดน้ำหนักให้ได้ 3 กิโลกรัม ภายใน 10 วันอาจจะดูไม่เยอะ แต่สำหรับบางคนแล้วถ้าทำไม่ถูกวิธี น้ำหนักก็ไม่สามารถลดได้เลย แถมยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย วันนี้เรามาแนะนำ การลดน้ำหนักให้ได้ 3 กิโลกรัม ใน 10 วัน สำหรับเป็นแนวทางสำหรับ คนที่อยากลดน้ำหนักอย่างจริงจัง ตามมาดูกันเลย


เคล็ดลับลดน้ำหนัก 3 กิโลกรัม ภายใน 10 วัน สามารถทำได้โดยทำตามวิธีดังต่อไปนี้

1. ควบคุมปริมาณอาหารและเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์

การลดน้ำหนักที่ดีควรเป็นการลดน้ำหนักแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยการควบคุมปริมาณอาหารให้พอเหมาะและเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี โปรตีนไขมันต่ำ เป็นต้น หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง และโซเดียมสูง

2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายช่วยเผาผลาญพลังงานและไขมันส่วนเกิน โดยควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน สามารถเลือกออกกำลังกายได้ทั้งแบบแอโรบิก เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และแบบเวทเทรนนิ่ง เช่น ยกน้ำหนัก เล่นโยคะ เป็นต้น

3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

น้ำช่วยในการทำงานของร่างกายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยังช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง จึงช่วยลดการกินอาหารได้อีกด้วย ผู้ใหญ่ควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว

4. พักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนให้เพียงพอช่วยให้ร่างกายมีเวลาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยควบคุมฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหารได้อีกด้วย ผู้ใหญ่ควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง

เคล็ดลับเพิ่มเติม

นอกจากเคล็ดลับข้างต้นแล้ว ยังมีเคล็ดลับเพิ่มเติมที่จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น ดังนี้

  • งดดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ชาไข่มุก น้ำหวาน
  • งดของทอดและอาหารที่มีไขมันสูง
  • เคี้ยวอาหารให้ละเอียด
  • หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูป
  • ทานอาหารให้ตรงเวลา
  • ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ทั้งนี้ การลดน้ำหนัก 3 กิโลกรัมภายใน 10 วันอาจทำได้ยากสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหรือมีภาวะสุขภาพบางอย่าง ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการก่อนเริ่มลดน้ำหนัก เพื่อให้ได้วิธีการลดน้ำหนักที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล

เรื่องที่เกี่ยวข้อง 6 เคล็ดลับลดน้ำหนัก 3 กิโลกรัม ภายใน 10 วัน เห็นผลง่าย ไม่โยโย่

แนะนำช่วงเวลาที่เหมาะสมในการออกกำลังกาย ผอมเร็ว หุ่นกระชับ เพียงรู้ช่วงเวลา

เคล็ดลับหุ่นดี หุ่นกระชับอีกอย่างที่มองข้ามไม่ได้คือ ช่วงเวลาในการออกกำลังกาย วันนี้เราจึงมาแนะนำ ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการออกกำลังกาย 

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการออกกำลังกายนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เป้าหมายการออกกำลังกาย สภาพร่างกาย และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน

โดยทั่วไปแล้ว ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการออกกำลังกายมีดังนี้

  • การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพทั่วไป ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ โดยสามารถแบ่งเป็นการออกกำลังกายเบาๆ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ หรือออกกำลังกายหนัก 75 นาที 3 วันต่อสัปดาห์ ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ ช่วงเวลาที่สะดวกและสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ

  • การออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก ควรออกกำลังกายอย่างหนักอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ หรือออกกำลังกายอย่างเบาๆ 60 นาทีต่อวัน 3 วันต่อสัปดาห์ ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ ช่วงเวลาที่ร่างกายมีพลังงานเพียงพอ เช่น ตอนเย็นหลังเลิกงานหรือหลังทานอาหารเย็น

  • การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ควรออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ ช่วงเวลาที่ร่างกายพร้อม เช่น ตอนเย็นหลังเลิกงานหรือหลังทานอาหารเย็น

ข้อควรระวังในการเลือกช่วงเวลาออกกำลังกาย

  • ไม่ควรออกกำลังกายทันทีหลังจากรับประทานอาหาร ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายมีเวลาย่อยอาหาร

  • ไม่ควรออกกำลังกายก่อนเข้านอน การออกกำลังกายอย่างหนักอาจทำให้ร่างกายตื่นตัวและนอนหลับยาก

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • ควรอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกาย เพื่อลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ

  • ควรยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อและป้องกันการบาดเจ็บ

  • ควรดื่มน้ำให้เพียงพอก่อนและหลังออกกำลังกาย

  • ควรฟังเสียงร่างกาย หากรู้สึกเหนื่อยหรือเจ็บ ควรหยุดออกกำลังกายทันที

จากข้อมูลข้างต้น ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการออกกำลังกายคือ ช่วงเวลาที่สะดวกและสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ โดยคำนึงถึงเป้าหมายการออกกำลังกาย สภาพร่างกาย และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกาย

เครดิต https://www.sanook.com/women/243245/

วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2566

"ช่อ พรรณิการ์" กับฉายาเจ้าแม่คอสตูม จัดเต็มทุกชุด

 

เป็นข่าวที่สร้างความเร้าใจให้กับวงการเมือง เมื่อศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งของ "ช่อ-พรรณิการ์ วานิช" ตลอดจนไม่ให้มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ อีกต่อไป

สำหรับช่อ พรรณิการ์นั้นเป็นนักการเมืองหญิงที่ตลอดเวลาถูกติดตามและสนใจตั้งแต่เธอมีการเข้าสู่วงการการเมือง ในสมัยเริ่มต้นของการทำงานในด้านการเมือง เธอยังมีอาชีพในสื่อมวลชนซึ่งถือเป็นดาวรุ่งแห่งวงการอีกหนึ่งคน และเมื่อเข้าสู่วงการการเมืองเต็มตัว ช่อ พรรณิการ์ก็กลายเป็นส่วนสำคัญและเต็มไปด้วยความสีสันในสภาเช่นกัน

นอกจากความสามารถในการพูด ความคิดสร้างสรรค์ และความคล่องแคล่วในการให้สัมภาษณ์และตอบคำถามต่างๆ อีกด้วย เมื่อพูดถึงเรื่องเสื้อผ้าและทรงผมของเธอ จะพบว่าเธอไม่เคยมองผ่านเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และไม่เคยพลาดที่จะแสดงความเป็นตัวเอง ทำให้เธอมีชื่อเสียงในการแต่งตัวตั้งแต่การสวมชุดพื้นเมืองหาเสียงในพื้นที่เลือกตั้ง และเป็นแบบอย่างแฟชั่นของสภาในทุกที่ทุกเวลา

"Dior" แต่งตั้ง "ตู ต้นตะวัน" เป็นแอมบาสเดอร์ของไทยคนใหม่

 


แน่นอนครับ คงต้องบอกว่าเป็นปีที่สำคัญสำหรับนักแสดงสาว "ตู-ต้นตะวัน ตันติเวชกุล" คุณนางเอกที่มาจากค่าย GMMTV หลังจากที่ได้รับความนิยมมากจากบทบาท "กอหญ้า" ในซีรีส์ "F4Thailand: หัวใจรักสี่ดวงดาว" ล่าสุดแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Dior ได้ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า คุณ "ตู ต้นตะวัน" ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น House Ambassador คนใหม่ของประเทศไทย ในด้านแฟชั่นและเครื่องประดับจากแบรนด์ Dior ด้วยข้อความที่กล่าวว่า

ความหมายของประโยคนี้คือ "Dior ได้ประกาศแต่งตั้ง @Tontawan_T เป็นแอมบาสเดอร์ด้านแฟชั่นและเครื่องประดับในประเทศไทยคนใหม่ ด้วยความสง่างามและความซับซ้อนของเธอ Tontawan เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของจิตวิญญาณและความสง่างามที่พัฒนาตลอดเวลาของ Dior โดยนำเสนอรูปแบบของความเป็นผู้หญิงที่เหนือกาลเวลาและได้รับการคิดใหม่"

เปิดตัว คุณหมอ "เยลลี่" แฟน "มาร์ช จุฑาวุฒิ"

 


เธอคนนี้มีชื่อว่า เยลลี่ จบการศึกษาระดับมัธยมปลายจากโรงเรียนราชินีบน และจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โดยในปัจจุบันเธอทำหน้าที่เป็นคุณหมออยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชนั่นเอง

โดยในวันนี้เราได้รวบรวมความน่ารักของคุณหมอเยลลี่ แฟนสาว มาร์ช จุฑาวุฒิ มาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันซักหน่อย

"ยิปซี คีรติ" ในชุดแต่งงานแนวมินิมอล ออกมางดงามและเริ่ดเร้าให้ทั้งใจและตาที่สัมผัส

 

นำมือกันเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์อีกคู่หนึ่งคือ ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ ที่เลือกคู่ชีวิตกับ "นิโคลัส ฮอว์" แฟนหนุ่มที่มีเสน่ห์บาริสต้า ในงานเลี้ยงครอบครัวที่จัดขึ้นในวันที่ 21 กันยายน 2566 โดยเจ้าสาวสวมชุดแต่งงานสไตล์มินิมอลที่สะท้อนความเป็นตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบ

ชุดเจ้าสาวมินิมอลมินิใจชุดนี้ เป็นชุดจาก "วนัช กูตูร์" แบรนด์ไทยชื่อดังที่ใส่ออกมาแล้ว สวยออร่าจับ แบบสวยตะโกน

สำหรับชุดที่ "ยิปซี" ใส่ในงานเลี้ยงนั้นเป็นชุดแต่งงานแนวมินิมอลทรง Mermaid ที่ถูกออกแบบและตัดเย็บด้วยผ้าไหมซาตินสีขาวออฟไวท์ ด้านบนถูกทำเป็นเกาะอกรูปหัวใจเพื่อเพิ่มความโดดเด่นด้วยการทวิตไขว้ไปมาให้สวยงามตามแบบฉบับของมินิมอลอย่างลงตัว

ส่วนตัวกระโปรงด้านข้างมีการผ่าหน้า โชว์เรียวขาที่งดงามของเจ้าสาว เป็นชุดที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความโก้หรู มองแล้วเข้ากับบุคลิกของน้องยิปซีเป็นอย่างมาก

นี่เป็นเพียงแค่ลุคแรกกับงานเลี้ยงส่วนตัวระหว่างครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น รอซูมลุคฟาดๆ ของเจ้าสาวสายฝอ ในงานฉลองมงคลสมรสที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2566 นี้ได้เลย สวยแซ่บแน่นอน อ่านเพิ่มเติม https://www.sanook.com/women/242877/

อุ้ม ทวีพร เปิดตัวชุดประจำชาติ Miss Grand Thailand 2023

 

สำหรับชุด "ครุฑสุบรรณ สุวรรณกาย" พญาครุฑ เทพผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ผู้มีพละกำลังอันยิ่งใหญ่เหนือใคร พระพาหนะของพระนารายณ์ ถูกประดิษฐานเชียงรายรอบฐานปัทเชิงผนัง พระอุโบสถ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย ประติมากรรมครุฑยุดนาค หล่อด้วยสำริดปิดทองเหลืองอร่ามรับสลับกระจก ยุดพาสุกรีตรีเศียร ยืนตระหง่านเงื้อมสง่างาม ผิวกายประกายทอง มีขนวิเศษเพรชสุบรรณ ถูกออกแบบรังสรรค์ ใส่จินตนาการอันวิจิตรตระกาลตรา ผ่านเทคนิคการสยายปีกด้วย จิตอันตั้งมั่นและพลังศรัทธา "ครุฑสุบรรณ สุวรรณกาย" เทพปกรณัม ตำนานความเชื่อที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนไทยมาช้านาน ออกแบบและตัดเย็บโดย อาร์ทอัครัช เนรมิตศิลป์

โดย "อุ้ม ทวีพร" จะใส่อวดโฉมบนเวที มิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล ครั้งที่ 11 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ณ ประเทศเวียดนาม

วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2566

ชุดงานหมั้น คิมเบอรี่ และ หมากปริญ สวย หล่อ ในชุดผ้าซิ่นโบราณ ลานนา

ในงานหมั้นคิมเบอรี่และหมากปริญที่มีความเฉพาะเจาะจงมากนี้ เรามีความยินดีที่จะนำเสนอชุดงานหมั้นผ้าซิ่นลายไทยโบราณให้คุณได้ชม ชุดงานหมั้นนี้ถูกออกแบบอย่างประณีตและสวยงาม เพื่อให้คุณและคู่สามีของคุณได้สวมใส่ในวันที่สำคัญนี้อย่างสง่างาม

หากคุณกำลังมองหาชุดงานหมั้นที่มีลักษณะเด่นเริ่ด ไม่ควรพลาดชุดงานหมั้นผ้าซิ่นลายไทยโบราณที่เรามีให้บริการที่ hozonefly.com ชุดงานหมั้นที่เรามีจะทำให้คุณตกหลุมรักในความงดงามของลายไทยโบราณและความหรูหราของผ้าซิ่นอย่างแน่นอน อย่างที่คุณจะเห็นเมื่อเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา! 

credit : https://chivabeauty.blogspot.com/2023/08/blog-post_29.html

วันอังคารที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2566

งานประกาศรางวัลออสการ์ 2023 กับสายแฟชั่นตัวแม่

 

ควันหลงจากงานประกาศรางวัลออสการ์ 2023 เหล่าดารา เซเลบริตี้ ได้เข้าร่วมมากมาย และเป็นที่ฮือฮาเป็นอย่างมาก ที่ภาพยนตร์เรื่อง The Everything Everywhere All at Once ได้รับรางวัลออสการ์ ในปีนี้ นำแสดงโดย มิเชล โหย่ว

ฟ่าน ปิงปิง มาในชุดราตรีสีเขียว สวยสะกดทุกสายตา

ต้องยอมใจเทอคนนี้รีฮานน่าคุณแม่สวยแซ่บมากในชุดราตรีสีดำ

ขอมูลอัพเดตแฟชั่นจาก http://tb518com88.com/