วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2565

กาแฟเป็นที่นิยม แถมกากกาแฟ ยังมีประโยชน์ต่อผิวสวย กระจ่างใสอีกด้วย

 

กาแฟ จะกลายเป็นสิ่งที่คนสมัยนี้ ต้องกินไปแล้ว ไปทุกพื้นที่จะต้องมีร้านกาแฟ นอกจากกาแฟ จะเป็นตัวช่วยให้หลายๆคนตื่นตัว พร้อมรับเช้าวันใหม่แล้ว กาแฟยังมีประโยชน์ ดีต่อผิว และ ดีต่อสุขภาพอีกด้วย สาวๆ จะชอบนำกากกาแฟ มาผสมกับวัตถุดิบต่างๆ เพื่อขัดผิว จะช่วยทำให้ผิวขาว เนียน ผ่อง มีหลายคนลองทำและได้ผล ก็จะบอกให้ทำต่อๆกัน

มาดูกันว่า กากกาแฟผสมอะไรได้บ้าง ?

  • กากกาแฟผสมน้ำผึ้งแท้

การนำกากกาแฟขัดผิวมาผสมเข้าด้วยกันกับน้ำผึ้งแท้ สามารถใช้ในการขัดผิวอย่างได้ผล โดยแนะนำให้เอามาทาผิวแล้วทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีจึงค่อยล้างออก การขัดผิวมีส่วนช่วยในการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีต่อการดูแลผิว ในขณะที่น้ำผึ้งมีสรรพคุณช่วยในการกระชับเซลล์ผิวให้มีความเปล่งปลั่งอยู่เสมอ


  • กากกาแฟผสมนม

    อีกหนึ่งวิธีในการมาส์กหน้าที่ไม่อยากให้สาวๆ พลาดก็คือการนำเอากากกาแฟและนมมาผสมเข้าด้วยกัน จากนั้นนำมามาส์กหน้าประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น วิธีนี้จะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวแลดูเรียบเนียนและมีความกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
  • กากกาแฟผสมกับผงโกโก้

    นำกากกาแฟขัดผิว ผงโกโก้ และน้ำผึ้งเพียงเล็กน้อยมาผสมเข้าด้วยกัน ทาบริเวณผิวหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วจึงล้างออกให้สะอาด วิธีนี้จะช่วยลดริ้วรอยก่อนวัยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งกากกาแฟยังมีส่วนช่วยในการป้องกันการเติบโตของอนุมูลอิสระ และยังช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย
  • กากกาแฟผสมกับน้ำเปล่า

    หนึ่งขั้นตอนง่ายๆ กับการดูแลผิวรอบดวงตาก็คือการนำเอากากกาแฟผสมเข้าด้วยกันกับน้ำเปล่า ทาบริเวณผิวรอบดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้จะช่วยกำจัดรอยคล้ำเสียบริเวณรอบดวงตา และช่วยลดอาการบวมบริเวณดวงตาได้อย่างรวดเร็ว สำหรับใครที่มักมีปัญหาตาบวม แนะนำให้ใช้วิธีนี้รักษา รับรองว่าใช้ได้ผลอย่างแน่นอน

การนำกากกาแฟขัดผิวมาใช้ในการปรับผิวเสียให้กลับมาสวยใส เรียบเนียน และมีความเปล่งปลั่งได้อย่างน่าสัมผัส ถือเป็นหนึ่งในเคล็ดลับผิวสุขภาพดีที่เอาใจสาวๆหลายคนได้ดีเลยทีเดียว เพราะขั้นตอนในการทำ รวมทั้งวัตถุดิบที่นำมาผสมเข้ากับกากกาแฟก็สามารถหาได้ในครัวประจำบ้าน และที่สำคัญกากกาแฟยังมีประสิทธิภาพในการช่วยกำจัดรอยคล้ำเสียของผิว ช่วยให้ผิวมีความสดใสอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย


วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ส่องชุดแต่งงาน ของเหล่าดารา สวยสง่า หรูหรา ติดอันดับ

 

เกร็ดความรู้เกี่ยวการแต่งงานและชุดแต่งงาน

คำว่า Wedding ถ้าให้แปลตรงตัวนั้นมีความหมายว่า การแต่งงาน แต่หากมองตามความหมายของรากศัพท์แล้วจะหมายถึง การพนัน หรือการวางเดิมพัน ความเชื่อนี้เริ่มต้นมาจากพิธีการวางเงินสินสอดให้ฝ่ายเจ้าสาว

ซึ่งเป็นเรื่องของขนบธรรมเนียมและการถือโชคลางในงานแต่งงาน การพนันล้วนต้องอาศัยโชคช่วย หากให้มองในแง่ดีอีกมุมหนึ่ง การถือเรื่องต่างๆ นั้นเป็นความหวังดีที่จะให้เจ้าบ่าว เจ้าสาวเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างมีความสุข

ซึ่งประเพณีโบราณของชาวตะวันตกก็มีส่วนคล้ายกับขนบธรรมเนียมในบ้านเราอยู่ไม่น้อย ทั้งในเรื่องของการเลือกสี ชุดแต่งงาน เทียนมงคล ของชำร่วย การกำหนดวันแต่งงาน และการถือเคล็ดโชคลางต่างๆ ส่วนที่มีความเหมือนมากที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงานจุ๋ย วรัทยา

เข้าประตูวิวาห์เป็นฝั่งเป็นฝาคนล่าสุดของวงการบันเทิงบ้านเราแล้ว สำหรับสาวจุ๋ย วรัทยา ที่ควงคู่กับหนุ่มพุฒ พุฒิชัย เข้าพิธีแต่งงานกันอย่างเรียบง่าย โดยชุดแต่งงานของสาวจุ๋ยก็มีความสวยงามตามแบบไทยนิยม และสากลประยุกต์ มีด้วยกันถึง 3 ชุด ไม่ว่าจะเป็น

  1. ชุดไทยสีขาวครีม ปักมือด้วยมุกขนาดเล็กและคริสตัลชวารอฟกี้ เข้าคู่ผ้าถุงทอไหมเส้นเล็กแท้ 100%

  2. ชุดแต่งงานฉลองพิธีมงคลสมรสที่งามอย่างไทย ตัดเย็บด้วยผ้าไหมมัดหมี่ลายสร้อยดอกหมาก

  3. ชุดเดรสสั้นที่คุมโทนด้วยลายลูกไม้สีขาวจากแบรนด์ POEM เจ้าประจำของสาวจุ๋ย

ชุดแต่งงานชมพู่ อารยา

บอกเลยเธอคนนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวัง สำหรับแฟชั่นนิสต้าระดับต้นของเมืองไทย ที่แม้ถึงเวลาสละโสด เธอก็มากับความตะลึง ชวนจับตามองเช่นเคย นอกจากงานฉลองแต่งงานสุดอลังการแล้ว สิ่งที่หลายสายตาจับจ้องคงหนีไม่พ้น ชุดแต่งงาน ของเธอเป็นแน่ งานนี้วันเดียว เจ้าสาวสุดสวย เปลี่ยนไปถึง 3 ชุด และมีมูลค่ารวมร่วม 10 ล้านบาท เลยค่ะ (ซูมชัดๆ 3 ชุด 10 ล้าน! ชุดแต่งงานชมพู่ อารยา สวย อลังการเวอร์)

ชุดแต่งงานแองจี้ เฮสติ้ง

เธอมีฉายาที่ว่าเป็น เจ้าสาวห่มทอง ค่ะ ในงานฉลองมงคลสมรส ถูกจัดในรูปแบบในสไตล์อาหรับเวดดิ้ง สิ่งที่ต้องทำให้สาวๆ อย่างเราต้องร้อง ว้าวว! นั้นก็คือเครื่องประดับของเจ้าสาวนั้นเอง

เพราะในชุดแถลงข่าวนั้น เธอมาในชุดที่เรียบง่าย สไตล์อาหรับแต่สิ่งที่สะดุดตาสุดๆ นั้นก็คือ ทองคำ เครื่องประดับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นต่างหู สร้อย แหวน กำไลข้อมือ ที่เหลืองอร่ามหนักประมาณ 50 บาทเลยทีเดียวอ่ะ (สวย เลอค่า! ชุดแต่งงาน แองจี้ เฮสติ้ง เจ้าของฉายาเจ้าสาวห่มทอง)


ชุดแต่งงานลีเดีย ศรัณย์รัชต์

10 ปีที่รอคอย งานแต่ง ลิเดีย แมทธิว หวานชื่นภายใต้ธีม beyond ครั้งหนึ่งในชีวิตทั้งที เจ้าสาวสุดแซ่บ ขอสวยสะกดตา จัดชุดแต่งงาน 5 แบบ สวย อลังการ เลอค่า และวาบหวิว ซู่ซ่า ไม่ซ้ำแบบใครไปเลยค่ะ
 (งานแต่ง ลิเดีย แมทธิว ซูม 5 ชุดแต่งงาน สวยไม่ซ้ำใคร)

วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2565

วิธีบำรุงผมแก้อาการคันหนังศรีษะ ช่วยให้ผมไม่หลุดร่วง

 


อาการคันหนังศรีษะ เป็นอาการที่กวนใจหลายๆคน ทำให้รู้สึกหงุดหงิด และรำคาญใจ จนต้องหาหลากหลายวิธีมาแก้ปัญหาอาการคันหนังศรีษะ มาดูตัวช่วยที่ช่วยบำรุงเส้นผมและแก้อาการคันหนังศรีษะได้เป็นอย่างดี

4 วิธีแก้อาการคันหนังศรีษะ

  1. แก้ปัญหารังแคด้วยมะกรูด หากอาการคันหนังศีรษะเกิดจากการเป็นรังแค แนะนำให้ใช้มะกรูดรักษา เพราะมะกรูดมีส่วนช่วยลดความมัน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดรังแคตามมา ในส่วนของการใช้มะกรูดเพื่อขจัดรังแค ทำได้ด้วยการคั้นเอาน้ำจากมะกรูดมาชโลมลงบนศีรษะและเส้นผม หมักทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด เพียงเท่านี้ก็ช่วยบรรเทาอาการคันหนังศีรษะได้อย่างปลอดภัยแล้ว ที่สำคัญวิธีนี้ยังสามารถหาวัตถุดิบได้ในครัว แถมขั้นตอนการบำรุงผมด้วยมะกรูดก็ทำได้ไม่ยากอีกด้วย
  2. ลดอาการหนังศีรษะแห้งด้วยน้ำมันบำรุงสาวๆ คนไหนที่มีอาการคันหนังศีรษะจากการที่หนังศีรษะแห้ง แนะนำให้แก้ปัญหานี้ด้วยการใช้น้ำมันบำรุงผม เพราะการใช้น้ำมันจะเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ จึงช่วยลดอาการแห้งของหนังศีรษะได้ในระดับหนึ่ง ในส่วนของวิธีการบำรุงก็คือ ใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์นวดให้ทั่วหนังศีรษะประมาณ 3 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น หมั่นทำแบบนี้ประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยให้หนังศีรษะมีความชุ่มชื้น พร้อมทั้งยังช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงอีกด้วย
  3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ก็มีส่วนช่วยลดอาการคันหนังศีรษะได้เช่นกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการแพ้หรือเป็นโรคเกี่ยวกับหนังศีรษะ ควรเลือกใช้แชมพูที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือเป็นผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน ทั้งนี้แนะนำให้หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมสำหรับผู้ใหญ่ไปเสียก่อน เนื่องจากมีสารเคมีและสารสังเคราะห์ผสมอยู่ค่อนข้างมาก การใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กจะมีสารเคมีและสารสังเคราะห์ในปริมาณน้อย จึงมั่นใจได้ว่าจะช่วยลดอาการระคายเคืองหนังศีรษะได้ดี
  4. สระผมด้วยน้ำเย็นเพื่อกักเก็บความชื้น การสระผมด้วยน้ำเย็นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาอาการคันหนังศีรษะได้ดี เนื่องจากน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้องจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและน้ำมันตามธรรมชาติไว้บนเส้นผมได้ดีมากๆ แถมยังทำให้เส้นผมมีความเงางามและแข็งแรง ไม่ทำให้เส้นผมแห้งจนเกินไป ซึ่งแตกต่างจากการสระผมด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน จะทำให้เกิดการระคายเคืองหนังศีรษะได้ง่าย ตลอดจนทำให้หนังศีรษะแห้ง ขาดความชุ่มชื้น จนทำให้เกิดอาการคันตามมา บางรายถึงขั้นมีหนังศีรษะลอกออกมาด้วย
อาการคันหนังศรีษะเป็นอาการที่กวนใจหลายๆ คนมากลองเอา 4 วิธีนี้ไปใช้ดู จะเป็นประโยชน์อย่างน้อยจะช่วยลด และ บรรเทาอาการคันหนังศรีษะได้ จนหายขาดไปเลย
ขอบคุณข้อมูลจาก Sanook Women

อาหารใกล้ตัวควรรู้เป็นแหล่งผลิตกลูต้าไฮโอนธรรมชาติ กินดี หน้าเด็ก ผิวขาว ต้องลอง

 


กลูต้าไธโอนเป็นสารอย่างหนึ่งที่ร่างกายสามารถผลิตได้เองตามธรรมชาติ แต่หากอายุมากขึ้นการผลิตกลูต้าไธโอนก็ลดลงได้ ซึ่งสารกลูต้าไฮโอนในร่างกาย จะช่วยให้ผิวหน้าดูเด็กลงและผิวขาว กระจ่างใสเป็นธรรมชาติ ดังนั้นเราจึงควรเลือกรับประทานอาหารเพื่อเสริมสร้างกลูต้าไธโอนให้กับร่างกาย

อาหารที่เสริมสร้างกลูต้าไธโอนให้กับร่างกาย

  1. ส้ม เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง และยังประกอบด้วยเบต้าแคโรทีน กลูต้าไฮโอน จัดได้ว่าเป็นสารอาหารที่สำคัญในการขจัดสารพิษและบำรุงผิวให้แข็งแรงสามารถทนต่อมลภาวะและฝุ่นต่างๆ ได้ ช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น
  2. มะเขือเทศ มะเขือเทศอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิดที่ให้ผลดีต่อผิว ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี เบต้าแคโรทีน หรือกลูต้าไธโอนก็ตาม อีกทั้งยังมีกรดอัลฟาไลโปอิคและไลโคปีน ซึ่งจัดเป็นกรดที่ช่วยให้ร่างกายของคนเราสามารถสร้างกลูต้าไธโอนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
  3. บรอกโคลี บรอกโคลีอุดมไปด้วยวิตามินซี สารต้านอนุมูลอิสระ กรดอัลฟาไลโปอิค และสารลูทีน ซึ่งกรดอัลฟาไลโปอิคจัดเป็นกรดที่ช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างกลูต้าไธโอน ในขณะที่สารลูทีนช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจน ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญต่อผิวพรรณอย่างมา
  4. เห็ด เห็ดอุดมไปด้วยสารซีลีเนียม ซึ่งเป็นสารที่มีความสำคัญต่อการสร้างกลูต้าไธโอนและสร้างคอลลาเจนได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีเส้นใย ซึ่งช่วยในการขับถ่ายและการลดน้ำหนักได้ดี สำหรับใครที่อยากมีผิวหน้าที่อ่อนเยาว์ เนียนนุ่ม และสดใส แนะนำให้กินอาหารที่มีส่วนผสมของเห็ดกันค่ะ
  5. ถั่วเหลือง ถั่วเหลืองอุดมไปด้วยสารอาหารประเภทกรดอะมิโน คือ Cysteine, Glycine และ Glutamic ซึ่งกรดอะมิโนทั้งสามชนิดนี้ มีส่วนช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างกลูต้าไธโอนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีสารไอโซฟลาโวนส์ ซึ่งช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนได้เร็วขึ้น จึงช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี พร้อมทั้งช่วยลดริ้วรอยและบำรุงผิวให้ขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ
ขอบคุณข้อมูลจาก Sanook Women


ประโยชน์ของกัญชา ทางการแพทย์ และโทษที่ควรรู้

 

ปัจจุบัน "กัญชา" ถูกประกาศเพื่อนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ ดังนั้น หากต้องการใช้กัญชาในการบริโภค จึงอยากแนะนำให้รู้จักประโยชน์และโทษของตัวกัญชาก่อนใช้ เนื่องจาก หากใช้ กัญชา ไม่ถูกวิธี อาจมีผลอันตรายต่อร่างกายถึงชีวิตได้เช่นกัน

มารู้จักสารในกัญชาที่ใช้ในการแพทย์

ผศ. นพ. สหภูมิ ศรีสุมะ  ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี และภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า สารสกัดจากกัญชามี 2 ชนิดหลัก คือ THC และ CBD พืชกัญชาส่วนใหญ่มี THC สูงกว่า CBD สามารถสกัดแยกด้วยกระบวนการในห้องปฏิบัติการเท่านั้น นอกจากนี้ยังย้ำอีกว่า การใช้กัญชาเองโดยไม่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแล และคำแนะนำของแพทย์ เสี่ยงเกิดโทษต่อร่างกายมากกว่าเป็นผลดี

สาร THC (Tetrahydrocannabinol)

สารสกัดจากกัญชาชนิด THC สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ ดังนี้

  • ลดอาการคลื่นไส้จากยาเคมีบำบัดมะเร็ง

  • ลดอาการปวดเรื้อรัง

  • ลดอาการเบื่ออาหาร เฉพาะในผู้ป่วยบางกลุ่ม ภายใต้การดูแลของแพทย์

  • ลดอาการเกร็ง ในผู้ป่วยโรคระบบประสาทจำเพาะบางชนิด (Multiple Sclerosis)

โทษของสาร THC

หากมีการนำสาร THC จากกัญชามาใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่ระมัดระวังในการใช้ อาจทำให้เกิดโทษต่อร่างกายได้ ดังนี้

  • เมา หลอนประสาท

  • เสพติด และอาจเพิ่มอัตราการฆ่าตัวตาย

  • เพิ่มอุบัติเหตุ

  • หากได้รับในปริมาณสูง อาจเกิดภาวะเป็นพิษ และอาการผิดปกติได้

สาร CBD (Cannabidiol)

สารสกัดจาดกัญชาชนิด CBD ช่วยรักษาโรคลมชักในเด็ก เฉพาะกลุ่มอาการ Lennox-Gastaut, Dravet

สรรพคุณจากกัญชา ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปแน่ชัด

หลายสรรพคุณจากกัญชาที่ยังหาข้อสรุปที่ชัดเจนไม่ได้ และยังไม่ควรใช้ในปัจจุบัน เพราะยังอยู่ในขั้นตอนของการวิจัย ได้แก่

  • ลดความกังวล

  • ควบคุมอาการสั่น ในผู้ป่วยพาร์กินสัน

  • สมองเสื่อม

  • ต้อหิน

  • อาจจะรักษามะเร็งได้
ขอบคุณการเรียบเรียงข้อมูลจาก https://www.sanook.com/health/19665/




วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2565

205 รายชื่อ "ตั้งชื่อลูก" ชื่อลูกสาว-ลูกชาย พร้อมความหมายเสริมสิริมงคล

สำหรับการตั้งชื่อลูก เป็นเรื่องที่พ่อแม่ให้ความสำคัญต่อผู้ที่เป็นพ่อและแม่อย่างมากดังนั้นการตั้งชื่อจริงที่เหมาะสมต่อวันเดือนปีเกิด เพื่อช่วยเสริมสิริมงคลดวงดีดวงปังในชีวิตของเด็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่พ่อแม่ยุคใหม่ให้ความใส่ใจเป็นอย่างมากซึ่งถ้าคุณกำลังมองหาชื่อดีๆ ของปีนี้ ให้กับลูกน้อยของคนที่จะตรงตามหลักการตั้งชื่ออย่างถูกต้อง ขอแนะนำหลักในการตั้งชื่อ ที่ได้ทั้งความไพเราะและทำให้มั่นใจต่อการใช้ชีวิตในอนาคตมากยิ่งขึ้นดังต่อไปนี้ 

หลักการตั้งชื่อลูกที่ควรรู้ ทั้งการตั้งชื่อลูกสาว และ การตั้งชื่อลูกชาย

การตั้งชื่อลูกสำหรับเด็กแรกเกิดจะมีความสำคัญอยู่ทั้งหมด 8 เรื่องด้วยกัน คือ

  1. บริวาร หมายถึง คนภายในครอบครัวและคนใกล้ชิดในชีวิต
  2. อายุ หมายถึง การเป็นอยู่ การใช้ชีวิต และสุขภาพ
  3. เดช หมายถึง อำนาจ บารมี การได้ลาภยศ การมีชื่อเสียง และตำแหน่งหน้าที่การงาน หน้าตาทางสังคม
  4. ศรี หมายถึง เรื่องของโชคลาภและความสำเร็จ รวมไปถึงเรื่องของเสน่ห์ มีคนรักและเอ็นดู
  5. มูลละ หมายถึง การมีทรัพย์สิน มีมรดกเงินทอง และความมั่นคงทางการเงิน
  6. อุตสาหะ หมายถึง การทำงาน ความขยันหมั่นเพียร การประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและการใช้ชีวิตที่มีความกระตือรือร้น
  7. มนตรี หมายถึง  การมีผู้หลักผู้ใหญ่สนับสนุน ช่วยเหลือ ค้ำจุนเกื้อกูลด้วยความเอ็นดู ทั้งพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ครู อาจารย์ เจ้านาย ผู้ที่อาวุโสกว่า
  8. กาลกิณี หมายถึง ตัวอักษรที่ไม่เหมาะสมต่อชื่อและวัน-เดือน-ปีเกิดของตัวผู้ที่ถูกตั้งชื่อ เพราะจะนำมาซึ่งความอัปมงคล ความทุกข์ ความทรมาน เคราะห์ร้าย และเรื่องราวที่ไม่ดีต่างๆ

อักษรกาลกิณีของคนแต่ละวัน

ดังนั้นการตั้งชื่อลูกจึงต้องคำนึงถึงทั้ง 8 ข้อนี้ให้มที่สุด ซึ่งคนที่เกิดในแต่ละวันจะมีตัวอักษรที่เป็นกาลกิณีแตกต่างกันออกไป คือ

  1. ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ มีอักษรที่เป็นกาลกิณี คือ ศ ษ ส ห ฬ ฮ
  2. ผู้ที่เกิดวันจันทร์ มีอักษรที่เป็นกาลกิณี คือ อ
  3. ผู้ที่เกิดวันอังคาร มีอักษรที่เป็นกาลกิณี คือ ก ข ค ฆ ง
  4. ผู้ที่เกิดวันพุธ มีอักษรที่เป็นกาลกิณี (กลางวัน) คือ จ ฉ ช ซ ฌ ญ
  5. ผู้ที่เกิดวันพุธ มีอักษรที่เป็นกาลกิณี (กลางคืน) คือ บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม
  6. ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี มีอักษรที่เป็นกาลกิณี คือ ด ต ถ ท ธ น
  7. ผู้ที่เกิดวันศุกร์ มีอักษรที่เป็นกาลกิณี คือ ย ร ล ว
  8. ผู้ที่เกิดวันเสาร์ มีอักษรที่เป็นกาลกิณี คือ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ

ตั้งชื่อจริงลูกชาย 100 รายชื่อ พร้อมความหมาย

  1. กฤตัชญ์ - ผู้รู้คุณคนอื่น มีความกตัญญู
  2. คณุตม์ - ประเสริฐกว่าคนทั้งหลาย
  3. จิรทีปต์ - รุ่งเรืองตลอดกาลนาน
  4. ณัฐปคัลภ์ - ปราชญ์ผู้องอาจ
  5. ติณณภพ - ผู้ข้ามภพได้ ชื่อของผู้บรรลุธรรม
  6. นิพพิชฌน์ - ปัญญา เข้าใจทะลุปรุโปร่ง ตรัสรู้
  7. ผรัณชัย - มีชัยชนะไปทั่ว
  8. พิทยุตม์ - ผู้มีความรู้สูงสุด
  9. ศาตนันท์ - มีความสุขและความเพลิดเพลิน
  10. อนันยช - เกิดมาเป็นที่หนึ่ง
  11. อิงครัต – ผู้ยินดีในความรู้
  12. กฤตยชญ์ - นักปราชญ์ผู้คงแก่เรียน
  13. คณพศ - มีอำนาจในหมู่คณะ
  14. ชวกร - ผู้สร้างเชาวน์ ผู้มีเชาวน์
  15. ณฏฐพล - กำลังของนักปราชญ์
  16. ธนลภย์ - ได้ทรัพย์
  17. ธรรมปพน - มีคุณธรรมบริสุทธิ์
  18. นฤสรณ์ - เป็นที่พึ่งของคนทั้งหลาย
  19. วรลภย์ - ผู้มีลาภอันประเสริฐ
  20. วฤนท์ธม - มากมายยิ่งใหญ่
  21. สรฐชญณ์ - มีความรู้เป็นที่พึ่งอย่างมั่นคง
  22. จรณินทร์ - เป็นใหญ่เพราะความประพฤติดี
  23. จิรัฎฐ์ - ดำรงมั่น อยู่นาน
  24. ชิณณวรรธน์ - อยู่กับความเจริญ
  25. ญานุจจัย - สะสมความรู้ มีความรู้มาก
  26. ถิรพุทธิ์ - มีความรู้มั่นคง
  27. ทัณฑธร - ผู้พิพากษา
  28. ปุณณัตถ์ - สมประสงค์
  29. พฤนท์เดช - มีอำนาจทางทหาร
  30. ภัทรจาริน - มีความประพฤติดี
  31. ฤทธิรณ - ความเก่งกล้าในการรบ
  32. วัณณุวรรธน์ - ทางแห่งความเจริญ
  33. อจลวิชญ์ - มีความรู้ไม่หวั่นไหว
  34. อติวัณณ์ - การสรรเสริญ ผู้มีตระกูลสูง
  35. อติวิชญ์ - นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มีตระกูลสูง
  36. อัฑฒ์ – ชายผู้ร่ำรวย
  37. คณุฒน์ - ประเสริฐกว่าคนทั้งหลาย
  38. ฐปนวัฒน์ - เจริญอย่างมั่นคง
  39. ฐิตธีร์ - ปราชญ์ผุ้มั่นคง
  40. ฐิติวัสส์ - ยืนยาวตลอดปี
  41. ธุวานันท์ - มีความยินดียั้งยืน มีความสุขยั่งยืน
  42. นนทิวรรธน์ - ยินดีในทรัพย์
  43. นัธทวัฒน์ - มีความเจริญเป็นที่มั่นคง
  44. ปัณฑ์ธร - ทรงไว้ซึ่งความรู้
  45. พิชญุตม์ - ฉลาดและยิ่งใหญ่
  46. พลัฎฐ์ - ตั้งอยู่ในกำลัง ทรงพลัง
  47. วริทธิ์นันท์ - ยินดีในความสำเร็จอันประเสริฐ
  48. วเรณย์ - ประเสริฐสุด
  49. อุกฤษฎ์ - ประเสริฐสุด
  50. กฤติชยตร์ - การกระทำที่ฉลาด
  51. กิตติ์ณัฏฐกร - สร้างความรู้และเกียรติ
  52. ชัญญากรณัฐ - ปราชญ์ผู้สร้างความรู้
  53. ชาครีย์สร - ผู้ตื่นและแกล้วกล้า
  54. ฐานิศวรร์ - มีฐานะอันยิ่งใหญ่
  55. ฐิรชาติศักดิ์ - เกิดมามียศศักดิ์มั่นคง
  56. ณรงค์คณินทร์ - เป็นใหญ่เหนือหมู่คณะในการรบ
  57. ณัฏฐ์ณชัย - ที่ซึ่งมีแต่ชัยชนะและความรู้
  58. ณัฏฐ์ธนัญ - ปราชญ์ผู้มีทรัพย์และอื่นๆ
  59. นัทธ์ธัญธนิน - ผูกพันกับความโชคดีและร่ำรวย
  60. เทวทิณณ์ - เทพประทาน
  61. ธีร์ธัญนนท์ - ปราชญ์ผู้มีโชคและความยินดี
  62. ธีร์สิรธนัศ - ปราชญ์ผู้เป็นยอดและเป็นเจ้าแห่งทรัพย์
  63. รดิศไชยนันท์ - ยินดีมีความเจริญกว่าและเป็นเจ้าแห่งทรัพย์
  64. วัสยษฏิ์ - ถึงซึ่งความเป็นอยู่อันดี
  65. กฤชฐารวี - มีอาวุธที่มั่นคงดั่งพระอาทิตย์
  66. กฤษฎาภาส - การกระทำที่รุ่งเรือง
  67. การัณยภาส - ความรุ่งเรืองแห่งการงาน
  68. ฆฤษวี - ร่าเริง
  69. จิณณิชวัรชญ์ - มีความรู้ประเสริฐเป็นอาจิณ
  70. ชาครีย์วสุ - ทรัพย์สินของผู้ตื่นอยู่เสมอ
  71. เชษฐวิรุฬห์ - เจริญอย่างยิ่งใหญ่
  72. ฐิณัณรเมศ - ฐานะความรู้มั่นคงและเป็นเจ้าแห่งรัก
  73. พรหมาณฑ์ชา - ดี, เก่ง ในจักรวาล
  74. ภิญญาสิปัณฑ์ - รอบรู้และฉลาดยิ่ง
  75. ศักร์สฤษฏิ์ - พระอินทร์เป็นผู้สร้าง
  76. ษุภ์ปรเมษฐ์ - ดีงามอย่างยิ่ง
  77. อภิณัฏฐกร - นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่
  78. อรรฆย์พสุ - มีทรัพย์สินอันมีค่ายิ่ง
  79. กิตติ์ธนัญนภ - มีเกียรติร่ำรวยดั่งฟ้ากว้าง
  80. ขันธ์ธิปก - ผู้เป็นใหญ่เหนือกรมกอง
  81. ฐิตินนท์ณัฐ - นักปราชญ์ผู้สร้างความยินดี
  82. ณกานต์พิทักษ์ - ที่ซึ่งเป็นที่รักและความรักษาไว้
  83. ธัญกฤษฏิ์ - ฉลาดเป็นเสิศ
  84. ธัญพิสิฏฐา - โชคดีและเจริญเป็นเยี่ยม
  85. นิพพิชฌน์ - ปัญญา เข้าใจทะลุปรุโปร่ง ตรัสรู้
  86. ปัญญ์คคนานต์ - ปัญญาดั่งท้องฟ้า
  87. ภาณุเมศธนัน - ร่ำรวยยิ่งใหญ่ดุจพระอาทิตย์
  88. มหัทธนะกิตติ์ - มีชื่อเสียงและร่ำรวยยิ่ง
  89. ศุภ์กฤศธเนส - มีการกระทำที่ดีและร่ำรวย
  90. สัณห์พิชญ์ - นักปราชญ์ผู้ละเอียดอ่อน
  91. อัคคัญญ์ - สูงสุด
  92. กิตติ์จีระภูมิ - มีเกียรติยิ่งยืนในแผ่นดิน
  93. คมน์พีระภัทร - การถึงซึ่งความกล้าหาญและดีงาม
  94. ดัตวทฤษ - รู้จริง
  95. เถกิงศักดิ์ - รุ่งเรืองด้วยยศศักดิ์
  96. ทรัพยพฤทธิ์ - เจริญในสมบัติ
  97. ทีป์สุรธเนส - แสงสว่างแห่งความดีงามและมั่งคั่ง
  98. ทีรฆทรรศ - เห็นการณ์ไกล
  99. ธนพฤทธ์ - มีเงินมาก
  100. ธรินทร์วรัช - ประเสริฐและทรงไว้ซึ่งความเป็นใหญ่

7 สูตรธรรมชาติตัวช่วยขจัดรังแค บำรุงหนังศรีษะในขั้นตอนเดียว

       สาเหตุหลักเรื่องรังแคต่างๆ ที่ทำให้สาวๆ ต้องเผชิญกับปัญหารังแคบนหนังศีรษะนั้นมีอยู่มากมาย ทั้งการใช้แชมพูที่มีสารเคมีรุนแรง มีสารพาราเบน แอลกอฮอล์ การใช้น้ำยาดัดผม น้ำยาย้อมผม และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมอีกมากมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้หนังศีรษะเร่งผลิตเซลล์ผิวที่เร็วกว่าปกติ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อราอีกด้วย วันนี้เราจึงนำสูตรธรรมชาติที่ช่วยขจัดรังแคพร้อมทั้งบำรุงหนังศีรษะมาแชร์ให้สาวๆ ได้นำไปใช้กันค่ะ เชื่อว่าวิธีเหล่านี้เอาอยู่

  1. สูตรเกลือ
    การขจัดรังแคพร้อมทั้งบำรุงหนังศีรษะด้วยสูตรเกลือ จัดเป็นสูตรที่ช่วยฆ่าเชื้อโรค สามารถขจัดเชื้อราและแบคทีเรียบนหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี เพียงแค่สาวๆ ใช้เกลือเม็ดเล็กประมาณหยิบมือหนึ่ง นำมาถูวนๆ ให้ทั่วหนังศีรษะประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด ตามด้วยใช้แชมพูสูตรอ่อนโยน แค่นี้ก็ช่วยรักษารังแคได้แล้ว
  2. สูตรว่านหางจระเข้
    ในส่วนของสูตรว่านหางจระเข้ ให้เอาแต่วุ้นจากว่านหางจระเข้ประมาณ 1 ถ้วย นำมาบดให้ละเอียด ก่อนนำไปหมักให้ทั่วหนังศีรษะ จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด ทำทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละ 2 ครั้ง ก็ช่วยขจัดรังแค พร้อมทั้งบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงและไม่หลุดร่วงได้ง่ายอีกต่อไปได้แล้ว
  3. สูตรมะนาว
    สำหรับสูตรมะนาวนั้นให้สาวๆ เตรียมน้ำมะนาวประมาณ 8 ช้อนโต๊ะ มาผสมเข้ากับน้ำต้มสุกประมาณ 1/2 ถ้วย จากนั้นเอามาหมักผมทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ต่อด้วยการนวดศีรษะแต่เพียงเบาๆ แล้วอาบน้ำสระผมด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยน เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดปัญหารังแคและบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงไปพร้อมๆ กันได้แล้ว
  4. สูตรน้ำมะกรูด
    วิธีขจัดรังแคด้วยสูตรน้ำมะกรูด ให้นำมะกรูดไปเผาไฟก่อน เพื่อให้มีน้ำไหลออกจากผิวมะกรูด จากนั้นนำผลมะกรูดมาผ่าครึ่ง แล้วบีบชโลมน้ำมะกรูดให้ทั่วหนังศีรษะ นวดเบาๆ ให้ทั่ว แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ตามด้วยล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้หมดจด
  5. สูตรน้ำมันมะกอก
    สูตรที่ใช้น้ำมันมะกอกเพื่อขจัดรังแค เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ไม่ชอบความวุ่นวายหรือขี้เกียจผสมส่วนผสมต่างๆ มากมาย เพียงแต่ใช้น้ำมันมะกอกชโลมลงบนหนังศีรษะให้ทั่วก่อนนอน แล้วนวดเบาๆ เพื่อให้น้ำมันซึมลงสู่หนังศีรษะ หมักทิ้งไว้ตลอดคืน แล้วค่อยล้างออกด้วยการอาบน้ำสระผมตามปกติ วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยขจัดรังแคได้ดีเท่านั้น แต่ยังช่วยบำรุงหนังศีรษะให้มีความชุ่มชื้นอีกด้วย
  6. น้ำผึ้ง : น้ำผึ้งมีส่วนช่วยขจัดรังแคได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีงานวิจัยค้นพบว่า การใช้น้ำผึ้งหมักผม สามารถลดรังแคได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย ในส่วนของการขจัดรังแคด้วยน้ำผึ้ง ทำได้ด้วยการชโลมน้ำผึ้งลงบนหนังศีรษะ จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด สำหรับการขจัดรังแคด้วยน้ำผึ้งสามารถทำได้ทุกวัน
  7. เบกกิ้งโซดา : เบกกิ้งโซดาก็มีส่วนช่วยขจัดรังแคได้ดีเช่นกัน ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำสะอาด 1 แก้ว นำมาผสมเข้าด้วยกัน แล้วเอามาชโลมให้ทั่วหนังศีรษะ พร้อมกันนี้ให้นวดเบาๆ ประมาณ 5-10 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยการสระผมตามปกติ วิธีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยขจัดรังแคได้ดีเท่านั้น แต่ยังช่วยขจัดเชื้อราบนหนังศีรษะได้ดีมากๆ อีกเช่นกัน

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2565

วิธีลดน้ำหนักแบบ IF ทำง่ายเพียงเข้าใจสิ่งนี้

 

หลายคนอาจจะเคยได้ยินรูปแบบการลดน้ำหนักแบบ IF หรือ Intermittent Fasting ซึ่งเป็นการลดน้ำหนักที่ทำให้ร่างกายสามารถดึงไขมันสะสมออกมาใช้ ทำให้น้ำหนักลดลง และยังช่วยให้ร่างกายสามารถลดไขมันได้เร็วมากขึ้น ซึ่งวันนี้เราขอเอา 5 วิธีการลดน้ำหนักแบบ IF ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย และเหมาะต่อผู้ที่เริ่มต้นลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้มาแชร์ให้ได้ทำตามกันค่ะ

1.กำหนดช่วงเวลากินและอดอาหารให้ชัดเจน

เริ่มแรกสำหรับผู้ที่เริ่มต้นลดน้ำหนักแบบ IF ต้องทำก็คือ การกำหนดช่วงเวลากินและช่วงเวลาอดอาหารให้ชัดเจน ซึ่งควรจะเป็นการกำหนดช่วงเวลาที่เป็นไปตามนาฬิกาชีวิตด้วย เช่น ถ้าสาวๆ เลือกสูตรการทำ IF แบบ 16/8 ก็ควรจะเริ่มกินอาหารในช่วง 8 โมงเช้า และหยุดกินหลัง 4 โมงเย็น ในช่วงเวลาหลังจาก 4 โมงเย็นเป็นต้นไป จะเป็นช่วงเวลาของการอดอาหาร ทั้งนี้ไม่แนะนำให้เลือกกินในช่วงดึกเพราะอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ แต่ควรเลือกช่วงเวลากินอาหารตามช่วงเวลาที่เราใช้ชีวิตตามปกติจะให้ผลดีกว่า

2.กินอาหารให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

แม้ว่าการทำ IF จะมีช่วงเวลากินอาหารที่ชัดเจน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องกินในปริมาณที่มากเกินไป เพราะการกินอาหารในช่วงเวลาที่กำหนด ก็ต้องกินให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเช่นกัน ซึ่งจะต้องดูที่ประเภทของสารอาหารที่ต้องกินในแต่ละวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเพียงพอ ทั้งนี้ควรเน้นที่การกินอาหารที่มีโปรตีนสูงและไขมันต่ำเป็นหลัก เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ผัก ผลไม้ไม่หวานจัด คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันอิ่มตัวสูง

3.ไม่เพิ่มและไม่ลดปริมาณอาหาร

การทำ IF จะมีการกำหนดช่วงเวลาของการกินอาหารและการอดอาหารไว้อย่างชัดเจนตามสูตรที่เลือกใช้ และควรปฏิบัติตามสูตรอย่างเคร่งครัด ไม่ควรกินอาหารมากเกินไป เพียงเพราะกลัวจะหิวในช่วงที่ทำ Fasting และไม่ควรลดปริมาณอาหารให้น้อยลงไปจากที่ระบุในสูตร เพียงเพราะอยากให้น้ำหนักลงมากๆ เพราะนั่นอาจเสี่ยงทำให้ร่างกายได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ส่งผลให้การทำงานของระบบภายในร่างกายผิดเพี้ยน จนอาจทำให้เกิดอาการโยโย่ได้

4.กินอาหารประเภทที่ไม่ให้พลังงานในช่วง fast

หากไม่สามารถอดอาหารในช่วงที่กำลัง Fasting ได้ สามารถกินอาหารที่ไม่ให้พลังงาน เช่น น้ำเปล่า โซดา กาแฟดำ หรือชา ซึ่งต้องไม่มีการเติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวานใดๆ ทั้งสิ้น การบริโภคอาหารที่ไม่ให้พลังงานในช่วง Fasting จะไม่ส่งผลเสียต่อการลดน้ำหนักในรูปแบบ IF แต่อย่างใด

5.ออกกำลังกายวันละ 30 นาที

การลดน้ำหนักควรมาพร้อมกับการออกกำลังกาย โดยในช่วงเริ่มต้นของการลดน้ำหนักแบบ IF ควรออกกำลังกายให้ได้วันละ 30 นาที และออกกำลังกายให้ได้สัปดาห์ละ 3-5 วัน เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญไขมันส่วนเกินออกไปได้เร็วยิ่งขึ้น

ง่ายๆ กับ 5 วิธีการลดน้ำหนักแบบ IF สำหรับผู้เริ่มต้น ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย ยังไงก็ลองเอาวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้กับการลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting ตามสูตรที่ตัวเองเลือกกันดูนะคะ เชื่อว่าจะทำให้น้ำหนักลดลงโดยไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างแน่นอน