วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ประโยชน์ชองอโลเวล่า ดีต่อผิว ดีต่อใจ


ใช้ธรรมชาติ ทำให้ผู้หญิงไม่หยุดสวย โดยสาวๆสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ให้สวย กระจ่างใส ด้วยธรรมชาติอย่างว่านหางจระเข้ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ อโลเวล่า ซึ่งนอกจากจะถูกนำไปผสมในผลิตภัณฑ์และครีมบำรุงผิวต่างๆ ที่วางขายตามท้องตลาด เพื่อประทินผิวคุณให้สวยได้ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแล้ว อโลเวล่า มีสรรพคุณมากมายที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนอีกด้วย และนี่ก็คือ 5 สูตรความงามจากว่านหางจระเข้ที่เรานำมาฝากกันนั่นเอง

1.ว่านหางจระเข้ใช้ในการรักษาสิว
หากได้กล่าวเกี่ยวกับครีมบำรุงผิวจำนวนมากหลากหลายยี่ห้อซึ่ง มีจำนวนไม่น้อย ที่ได้ใช้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนผสมหลัก อยู่ในครีมตัวนั้นๆ เนื่องด้วยคุณสมบัติในการช่วยลดสิว และยังลดอาการอักเสบของผิวหนังได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากต้องการรักษาสิวและไม่ต้องการจะเสียเงินมากมายไปกับการซื้อครีมบำรุงต่าง ๆ ให้ลองใช้วุ้นใสๆ ในว่านหางจระเข้ทาบาง ๆ ที่สิว สักระยะหนึ่งปัญหาสิว ผิวอักเสบของคุณจะค่อยๆ บรรเทาลงอย่างแน่นอน

2.แชมพูผสมว่านหางจระเข้เพิ่มความชุ่มชื้น
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีปัญหาผมแห้งกรังราวกับเป็นไม้กวาดดอกหญ้า ให้ลองนำวุ้นสดที่อยู่ภายในว่านหางจระเข้ไปผสมกับแชมพูที่คุณใช้อยู่ประจำ แล้วคุณจะพบว่าสามารถช่วยบำรุงผมให้ชุ่มชื้นและนุ่มสลวยได้ แถมยังลดปัญหาศีรษะมีรังแค รวมถึงอาการคันต่างๆ ของศีรษะก็หายเป็นปลิดทิ้ง เพียงเท่านี้ผมของคุณก็สวยสุขภาพดีได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปทำทรีทเม้นท์แพงๆ ตามร้านทำผมอีกเลย

3.ขัดผิวคุณให้สวย เนียนใส
ลองนำวุ้นใสในว่านหางจระเข้สักประมาณครึ่งถ้วยไปผสมกับน้ำตาลทรายแดงประมาณ ¼ ถ้วย แล้วนำไปขัดผิวเบาๆ ทุกวัน ผิวของคุณก็จะสวยกระจ่างใส ชุ่มชื้น เต่งตึง น่าสัมผัส จนใครๆ ก็อิจฉาเลยล่ะ

4.แก้อาการอักเสบ คัน จากแมลงสัตว์กัดต่อย
หากคุณโดนแมลง หรือยุงกัด ให้คุณหาว่านหางจระเข้มาทาลงไปบนบริเวณที่โดนกัดต่อย แล้วคุณจะเห็นว่าอาการต่างๆ ที่เป็นอยู่ก็จะทุเลาลงไปได้เป็นอย่างดี

5.ผิวไหม้ แสบ แดง แก้ได้ด้วยว่านหางจระเข้
ใครผิวไหม้ แสบแดง หลังจากนี้คุณจะไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะเราสามารถใช้ว่านหางจระเข้ในการบรรเทาได้ โดยให้ลองใช้วุ้นว่านหางจระเข้มาทาบริเวณผิวที่ไหม้และมีอาการแสบ แดง จะช่วยบรรเทาได้ดีทีเดียว

สรุป
อโลเวล่า หรือ ว่านหางจระเข้ คุณประโยชน์มากมาย ที่สาวๆ ต้องมีติดบ้าน




วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

"มิว นิษฐา" ลดน้ำหนัก 3 กิโลกรัม ก่อนเข้ากอง อกเกือบหักแอบรักคุณสามี


ละครน้ำดี อย่างอกเกือบหักแอบรักคุณสามี มีใครอินและฟินกับละคร "อกเกือบหักแอบรักคุณสามี" ขอเสียงหน่อยจ้า เพราะทางนี้อินมากจริงๆ ด้วยความน่ารักของ "น้องเมย" หรือ มิว- นิษฐา จิรยั่งยืน และ "เธียร" รับบทโดย หมาก ปริญ คุณสามีสุดขรึมหล่อเข้ม ตอนนี้เนื้อเรื่องเริ่มเข้าสู่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งกว่าจะมาได้ละครแนวรัก ตลกที่เราติดกันงอมแงมนั้น ไม่สวยงามเหมือนในละครนะจ๊ะ

ทั้งฉากบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก และการถ่ายทอดอารมณ์ ซึ่งทั้งตัวนักแสดงนำเองนั้นบอกเลยไม่ง่าย โดยสาวมิว นางเอกของเรื่อง เผยใน รายการ 3 แซ่บ เมาส์ว่ากว่าจะได้เล่นละครเรื่องนี้ต้องลดน้ำหนักด้วย...ใช่ค่ะ คุณอ่านไม่ผิด สาวสวยรูปร่างดี  เธอต้องทำทุกวิธีเพื่อความเป๊ะยิ่งขึ้น

"พอจะเล่นเรื่องนี้ พี่แอน ทองประสมโทรมาขอให้ลดน้ำหนัก 3 กิโลกรัม ตอนนั้นรู้สึกยากมาก ช่วงนั้นเราพยายามจะลดน้ำหนักแล้วแต่มันไม่ลงเอง พอเป็นคำสั่งพี่แอน เลยต้องทำให้ได้ วิธีของมิวคือจ้างเทรนเนอร์มาดูแลเลย มิวออกกำลังกายจริงจังเป็นประจำ อาทิตย์หนึ่งออกกำลังกาย 2-3 วัน ต้องฝืนมาออก บางทีไม่ว่างกลับมาบ้านยังไงก็ต้องออกกำลังกาย และสุดท้ายน้ำหนักก็ลงตามเป้าที่ตั้งไว้" มิวกล่าว
ด้านพระเอกอย่าง "หมาก ปริญ" ก็ไม่ได้ต่างกัน เพราะโดนคำสั่งว่าต้องลดน้ำหนักลงอีก 6 กิโลกรัมในเวลา 3 เดือนด้วย มิหน่าดูในละครทั้งคู่สวย-หล่อเฟิร์มมากเลยค่ะ


วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

สิ่งที่ควรทำทุกเช้า เพิ่มพลังบวกให้กับร่างกาย


จริงมั้ยค่ะที่ทุกเช้าวันใหม่คุณเริ่มต้นชีวิตของคุณ นับตั้งแต่ตื่นนอน งัวเงียลุกขึ้นนั่งบนที่นอนแล้วล้มตัวลงนอนต่อ เดินหลับตาเข้าห้องน้ำ หรือ รีบตื่นเพราะมารู้สึกตัวว่าสายแล้ว เลยต้องทำทุกอย่าง อย่างรีบเร่งสุดท้ายวันนั้นจบลงด้วยความพังพินาศทั้งวัน

ถ้าไม่อยากให้รู้สึกว่าวันแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ลองกลับไปปรับนิสัยในยามเช้า ให้เป็นนิสัยดีๆ 8 ข้อกันดูถึง แม้คุณอาจจะต้องตื่นเช้าหน่อย แต่นิสัยเหล่านี้จะทำให้คุณได้เจอแต่เรื่องดีๆ ไปทั้วัน ทำอะไรได้มาขึ้น ชีวิตก็จะประสบความสำเร็จได้แบบสบายๆ

1. อันดับแรกเมื่อตื่นนอน คือ การเก็บที่นอนให้เรียบร้อย เป็นการจัดการเรื่องเล็กๆ ให้เป็นนิสัย แต่จะทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เพิ่มความรู้สึกภูมิใจ การทำกิจกรรมอะไรเล็กๆน้อย ที่เป็นการสร้างนิสัย จะทำให้การทำงานเล็กๆน้อยๆ ของแต่ละวันค่อยๆประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก

2. ดื่มน้ำทุกเช้า เป็นน้ำเปล่า และ จะตามด้วย น้ำมะนาว ที่คั้นสดเก็บไว้ก็ช่วยให้สุขภาพดี เพียงตื่นเช้ามาทำก็ทำให้สุขภาพดีขึ้น ซึ่งการดื่มน้ำทุกเช้าให้เป็นนิสัย เพราะการนอนยาว 6-7 ชั่วโมงนั้นร่างกายขาดน้ำเป็นระยะเวลานานพอสมควร การดื่มน้ำหลังจากตื่นนอนให้ได้ 2 แก้วจะทำให้ร่างกายของคุณกลับมาสดชื่นขึ้น และ ระบบเผาผลาญภายในร่างกายจะทำงานได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อสภาพจิตใจของคุณได้ เชื่อหรือไม่ว่าการดื่มน้ำนั้นช่วยลดความกดดัน และ ความเครียดที่จะเกิดขึ้นกับคุณได้ทั้งวัน

3. ยืดเหยียด บิดขี้เกียจในทุกเช้า จะช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี กระตุ้นอวัยวะของร่างกาย นอกจากนี้การยืดเหยียดทุกเช้ายังทำให้ร่างกายหลั่งสาร เซโรโทนิน และ เอนโดฟิน ที่ช่วยกระตุ้นความรู้สึก และ ความสุข โดยสารทั้งสองตัวนี้ช่วยให้สมองได้ต่อสู้กับอาการซึมเศร้า

4. ทำใจให้สงบนั่งสมาธิในช่วงเช้าของทุกวันอาจจะเป็นเวลาเพียงไม่กี่นาที แต่เป็นผลดีต่อร่างกายได้ทั้งวันเพราะการกำหนดลมหายใจและจดจ่ออยู่กับลมหายใจ ในทุกเช้าจะทำให้คุณมองเห็นสิ่งที่จะทำในแต่ละวันชัดขึ้น

5. สิ่งสำคัญมากอีกอย่างคือเขียนสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน หลังจากฝึกฝนสมาธิ และ จิตใจตัวเองได้ดีแล้วอีกสิ่งที่ควรทำให้เป็นนิสัยในยามเช้าคือ จดสิ่งที่คุณต้องทำตลอดทั้งวันลงไปในกระดาษ เพราะจะทำให้คุณได้เรียงลำดับความสำคัญในการทำงานและกิจกรรม รวมไปถึงยังได้เห็นว่าต้องทำงานอะไรและต่อด้วยงานอะไร เมื่อจบวันคุณจะรู้สึกว่าเป็นอีกวันหนึ่งที่คุณสามารถทำงาน หรือ ภาระที่ได้รับมอบหมายให้ลุล่วงไปได้มากเลยทีเดียว

6.กินอาหารเช้าที่มีประโยชน์
อีกหนึ่งข้อสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดีคือ อาหารเช้า ซึ่งเป็นมื้อสำคัญที่สุด และ อาหารเช้านั้นควรเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพด้วย ทั้งนี้มีรายงานว่า หากคุณกินอาหารเช้าภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากตื่นนอน จะช่วยเพิ่มน้ำตาลในเลือด ซึ่งจะช่วยให้คุณอารมณ์ดี ไม่หงุดหงิด หรือ หัวร้อนง่าย ขณะเดียวกันอาหารเช้า ควรจะให้สารอาหารได้ครบ ไม่ว่าจะเป็นไข่ โยเกิร์ต ถั่ว หรือ ผลไม้ เหล่านี้เหมาะอย่างยิ่งต่อการเริ่มต้นวันใหม่

7. อย่าเพิ่งรีบเช็คโทรศัพท์
ทุกวันนี้กิจวัตรประจำวันเมื่อตื่นเช้า ของคนส่วนใหญ่คือการหยิบโทรศัพท์ มานั่งเช็คโซเชียลมีเดียว่ามีใครส่งข้อความหรือ กดไลค์ข้อความของคุณบ้างหรือไม่ จากนั้นก็จะคอยเช็คดราม่า ในโซเชียล แล้วก็เสียเวลาอยู่กับการนั่งเช็คเรื่องราวต่างๆในโซเชียลจนผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้นของให้เลิกเสีย และ พยายามเปลี่ยนนิสัยนี้ให้เร็วที่สุด

สรุป

ขอเพียงตื่นเช้าขึ้นอีกหน่อย และ ฝึกฝนนิสัยเหล่านี้ให้ตัวเอง ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้เลยว่าชีวิตรู้สึกอิ่มเอม สดชื่น สดใส ไม่เบื่อหนายกิจกรรมระหว่างวัน


วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

นิกกี้ พริตตี้เงินล้าน ลดน้ำหนักหลังคลอด จาก 85 ลดเหลือ 48 บาท




มาดูวิธีลดน้ำหนัก ของคุณแม่หลังคลอด กว่าจะได้หุ่นแซ่บๆ พริตตี้คนสวย นิกกี้ พริตตี้เงินล้าน มีวิธีลดน้ำหนักอย่างไรตามมาดูค่ะ

โดย "เริ่มผอมตอนน้อง 1 ขวบ 6 เดือน ที่ผ่านมาแฟนไม่เคยบอกว่าตัวเองอ้วนเลย จนกลับไปทำงานแล้วใส่เสื้อผ้าไม่ได้ ต้องลดน้ำหนักแล้วเพราะอ้วนเกินไป ก่อนท้องเป็นคนกินเก่งอยู่แล้ว พอท้องยิ่งหนัก ตามใจปาก ตอนท้องหนัก 85 กิโล พอคลอดแล้วก็ยังเหลือ 70 กว่ากิโล วิธีการลดความอ้วนของนิกกี้ ออกตัวก่อนเลยว่าไม่เคยกินยาลดความอ้วน ตอนแรกใช้วิธีลดอาหาร ไม่กิน พอไม่กินมากๆ เกิดภาวะตัวบวม ไปกันใหญ่เลย เลยเปลี่ยนเป็นออกกำลังกายแบบหักโหม ตอนกลางวันเลี้ยงลูกปกติ พอลูกนอนสองทุ่ม ตั้งแต่เวลานั้นถึงตี 2 ออกกำลังกายหนักมาก แล้วเข้านอนเกือบตี 3 ตื่นพร้อมลูกตี 5 ทำอยู่อย่างนั้น 2 เดือน สิ่งที่เกิดขึ้น หุ่นไม่ผอมอย่างเดียวแต่โทรม น้ำหนักลงเหลือ 56 และไม่ผอมลงไปกว่านี้แล้ว การที่เราจะผอมได้ ต้องพักผ่อนเพียงพอด้วย"

"จากนั้นเริ่มลดน้ำหนักแบบ if เป็นวิธีธรรมชาติมาก ในปกติร่างกายของคนเราใน 1 วัน ไม่ควรให้อาหารเข้าไปก่อน 12 ชั่วโมง นิกกี้ปรับให้เหมาะกับชีวิตประจำวันของเรา อย่างเช่น เราจะนอนเวลาไหน ให้เรานับเวลานั้นที่เรานอนจนถึงตอนตื่น ให้ครบ 12 ชั่วโมง แล้วถึงกินมื้อแรกได้ ไม่ควรอดอาหารเช้าและมื้อกลางวัน เพราะว่าจะทำให้ร่างกายสับสน นิกกี้จะกินซุปมะเขือในตอนเช้า หรือซุปผักให้ใส่กระดูกหมูด้วยนะ เพราะว่าถ้าไม่ได้โปรตีนเลย ร่างกายมันจะมีไขมันแต่ไม่มีกล้ามเนื้อก็จะเหี่ยวอีก ตอนเที่ยงกับตอนเย็นก็กินปกติ แต่ให้กินอาหารก่อนบายสาม จะไม่กินแป้งในช่วงลดความอ้วนไม่ค่อยดี นิกกี้จะลดแป้งในช่วงลดความอ้วน กินน้ำเปล่าอุณภูมิปกติมากกว่าวันละ 6 แก้ว งดน้ำหวานทุกชนิด และออกกำลังกาย 3 วันใน 1 อาทิตย์"

"ตอนแรกคิดว่าการวิ่งแบบรุนแรงเป็นชั่วโมงๆ จะช่วยให้เราผอม แต่จริงๆ แล้วจะทำให้กล้ามเนื้อเราโต ล่ำบึ้กแทน เราเลยเลือกการเดิน 45 นาที และเล่นเวฟเองแค่ 20 นาที ภาพรวมมันลงอย่างที่เห็นเลยนะ"

จุดไหนที่ลดยากที่สุด

"ตอนน้ำหนัก 50 แล้วจะให้ลงมาเลข 4 ยากมาก เพราะเหมือนไขมันในร่างกายของเรามันลงลึกในร่างกาย มันเป็นเนื้อย่นๆ นิกกี้จะต้องทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวตลอดเวลา เลี้ยงลูกก็กระโดดตบไปด้วย ขยับตัวทุก 5 นาที"

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

วิธีป้องกันสิวที่คอ ที่หลายๆ คนมองข้าม


สิวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกจุดตามร่างกายหากมีการอุดตันเกิดขึ้น จุดที่มีโอกาสจะเป็นสิวบ่อยไม่แพ้ตรงใบหน้าเลยก็คือบริเวณลำคอ การป้องกันสิวบริเวณคอนั้นก็ทำได้ไม่ยาก โดยมี 6 วิธีดังต่อไปนี้

1.ควรเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิว

ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีความเหมาะสมกับสภาพผิวหน้า ซึ่งก็คือจะต้องไม่มีความมันมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการอุดตันขึ้นได้และเป็นสิวได้ง่ายมาก ครีมกันแดดที่ควรใช้ก็คือกันแดดที่เป็นสูตรครีมกันแดดเนื้อนุ่มเบา แต้มเพียงเล็กน้อยบนผิว ควรเป็นครีมกันแดดสีขาว ไม่แต่งสีรองพื้น




2.มัดผมให้เรียบร้อยเมื่อมีความมัน

หากคุณยุ่งจนไม่มีเวลาที่จะดูแลผมของตัวเอง และผมมีความมันเกิดขึ้น ตัวเลือกที่ดีในการป้องกันการเกิดสิวคือการมัดผมไม่ให้ลงมาประคอหรือจะเกล้ามวยผมไปเลยก็ได้ ซึ่งก็จะช่วยลดการเกิดสิวที่คอได้ดี

  • เปาแนะนำ DOVE Care Between Washes Go Active Dry เป็นสเปรย์คุมมัน เป็นดรายแชมพู กลิ่นหอมช่วยยกโคนผมให้พองขึ้น


3.เลือกใช้ยาสระผมที่ไม่มีซิลิโคน

การเลือกใช้ยาสระผมที่ไม่มีซิลิโคนหากเป็นยาสระผมธรรมชาติ ด้วยจะดีมาก เช่นยาสระผมน้ำมันผิวมะกรูด ก็จะช่วยให้ผิวไม่เกิดการแพ้หรือระคายเคืองจนก่อให้เกิดเป็นสิวที่คอ เพราะเมื่อคุณล้างแชมพูแล้วเกิดล้างไม่หมดก็อาจทำให้สารเคมีตกค้างจนทำให้เกิดกลายเป็นสิวได้ ดังนั้นควรเลือกแบบไม่มีซิลิโคนจะดีกว่า

4.ไม่ใส่เสื้อผ้าที่หนาเกินไป

สำหรับการใส่เสื้อผ้าหนาเกินไปจะทำให้ร่างกายไม่สามารถ่ายเทความร้อน ความชื้นจากเหงื่อออกไปได้ ยิ่งถ้าใส่เสื้อมีปกด้วยแล้วก็จะยิ่งทำให้เกิดการหมักหมมยิ่งขึ้นไปอีก จนทำให้เป็นสิวที่คอได้ในที่สุด เพราะฉะนั้นมาใส่เสื้อผ้าที่บางเบาไม่หนาเกินไปกันดีกว่า

5.ปรึกษาแพทย์

กรณีสำหรับคนที่เป็นสิวที่คอบ่อย หรือพยายามรักษาสิวหลายวิธีแล้วแต่ก็ยังไม่ดีขึ้น คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้องโดยแพทย์จะมีทางออกให้กับคุณแน่นอน

6.ทาครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอล

ครีมรักษาสิวที่มีส่วนผสมของเรตินอลจะเป็นตัวช่วยให้สิวยุบแต่ต้องมีความเข้มข้นไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะเรตินอลมีฤทธิ์ที่ค่อนข้างแรง เมื่อใช้จนสิวยุบคุณยังสามารถใช้ต่อเพื่อเป็นการผลัดเซลล์ผิวต่อได้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดรอยสิวและช่วยป้องกันการเกิดสิวขึ้นซ้ำอีกได้เป็นอย่างดี




ใครที่เป็นสิวที่คอบ่อยๆ ก็ลองทำตาม 6 วิธีเหล่านี้เพื่อป้องกันการเกิดสิวกันดู แล้วจะช่วยลดปัญหาสิวที่คอได้ดีอย่างแน่นอน ที่สำคัญอย่าลืมรักษาความสะอาดให้ดีกันด้วย รวมถึงหมั่นทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดพวกของทอดของมันทั้งหลายให้น้อยลง ก็จะไม่เกิดปัญหาสิวมากวนใจแล้ว